วัดที่ 6 “วัดกุฏีทอง” วัดกุฏีทอง สมสง่า มีราศี
สมณดี สมเด็จโต เคยจำพรรษา
มีพระเครื่อง เลื่องลือ ลิ้มฤาชา
ใครจะมา จะไป ต้องพกพา...
ใครได้มา กราบไหว้ ที่แห่งนี้
ท่านจะมี กุฏีทอง แผ้วผ่องใส
ท่านจะมี พระดี อยู่ในใจ
ท่านจะสว่างไสว ไปตลอด ทุกชาติเอย...
สำหรับวัดนี้ เป็นวัดที่อยู่ในซอยค่อนข้างลึก และเป็นวัดที่ไม่ค่อยมีใครแนะนำให้มาท่องเที่ยว จึงไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติเข้ามาเยี่ยมชม จึงทำให้ขาดการบูรณะไปพอสมควรประตูทางเข้าอุโบสถจึงถูกปิดไว้ จะเปิดก็ต่อเมื่อมีคนเข้ามากราบไหว้ พระท่านจึงจะมาเปิดให้เข้าไปในอุโบสถ
วัดกุฏีทองนี้ จึงเป็นอีกวัดหนึ่งที่ตั้งใจตั้งแต่แรกว่าจะพาน้อง “IS_BarBeQ” มาไหว้ที่วัดแห่งนี้ด้วย
เพราะจะได้กราบสมณสมเด็จโต ที่ท่านได้เคยมาจำพรรษา พร้อมกับได้สร้างพระเครื่องไว้ที่วัดแห่งนี้ ซึ่งพระเครื่องที่ขุดพบในเจดีย์จะมีเอกลักษณ์นอกจากรูปทรงพระสมเด็จแล้ว ยังมีเศษทองคำ (ทองจริง ๆ) ฝังอยู่ภายในองค์พระเครื่องอีกด้วย เนื่องจากไม่ค่อยมีใครเข้ามาที่วัดกุฏีทองนี้ ประตูทางเข้าอุโบสถจึงถูกปิดไว้ ต่อเมื่อมีคนเข้ามากราบไหว้ พระท่านจึงจะมาเปิดให้เข้าไปในอุโบสถได้จุดธูป เทียน และได้ถวายสังฆทานกับพระภิกษุสงฆ์ พร้อมกับรับพรพระ ด้วยความปลื้ม ที่ได้ทำบุญ และถวายสังฆทานด้วยในวัดกุฏีทองนี้จบวัดที่ 6 “วัดกุฏีทอง” ด้วยเวลาที่บ่ายคล้อยเกือบเย็นมากแล้ว
(คิดในใจ จะได้ครบมั้ยเนี่ยะวันนี้ 9 วัด แต่ยังไงก็ต้องไปให้ครบ มาทั้งทีแล้ว)“เกร็ดความรู้เพิ่มเติมจาก Google”วัดกุฎีทองตำบลท่าวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นวัดเก่าโบราณ ครั้งสมัยเมืองละโว้
พงศาวดารเหนือกับพงศาวดารชาติไทย กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่าพระเจ้าสินทบอมรินทร์ ทรงสร้างวัดกุฎีทอง พระนางกัญญาเทวี อัครมเหสีทรงสร้างวัดคงคาวิหาร ประมาณพุทธศักราช หนึ่ง หก ศูนย์ ศูนย์
วัดกุฎีทองอิฐและปูนรุ่นเดียวกันกับพระเจดีย์ในวัดพระศรีมหาธาตุเมืองละโว้ หรือจังหวัดลพบุรีในปัจจุบัน จากหลักฐานอิฐและปูนที่ก่อสร้างกำแพงแก้วใกล้พระอุโบสถเป็นอิฐและปูนก่อน สมัยกรุงศรีอยุธยา
ดังนั้นวัดกุฎีทอง จึงเป็นวัดก่อนสมัยสร้างกรุงศรีอยุธยา เช่น วัดธรรมิกราช วัดพนัญเชิง
พระกรุวัดกุฎีทอง เป็นพระประเภทเนื้อผงมีอยู่หลายพิมพ์ แต่ละพิมพ์เป็นที่นิยมของประชาชนทั่วประเทศ ปัจจุบันค่อนข้างจะหายากขึ้นทุกวัน ผู้นำไปบูชามักจะเล่าถึงความศักดิ์สิทธิ์ที่เกิดขึ้นแก่ผู้นับถืออยู่เสมอ
ใครมีพระกรุวัดกุฎีทองแล้วเท่ากับมีของดีคุ้มตัว ให้เก็บรักษาให้ดีเป็นของดีสมควรเก็บไว้ให้ลูกหลานต่อไป
วัดที่ 7 “วัดราชประดิษฐาน” วัดราช ประดิษฐาน วัดโบราณกาล
สถิตนาน ยั่งยืน อยู่ยง
เป็นที่ประทับ พระราชา หลายพระองค์
พระทรงนาม ยิ่งใหญ่ ทั่วแดนดิน...
ท่านผู้ใด เข้ามา กราบสักการะ
จะได้ปลดภาระ ปลดเปลื้อง ทุกข์สิ่งการ
จะได้มี ที่อยู่ ลงหลักแลปักฐาน
ตลอดกาล มั่นคง ไม่เสื่อมคลาย...
วัดราชประดิษฐานนี้ เป็นวัดที่มีนักท่องเที่ยวไม่มากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นทางผ่านที่จะมีแวะเข้ามากราบพระประธานในอุโบสถบ้าง
ขณะที่เข้ามาในอุโบสถนั้น ได้เห็นนักท่องเที่ยวคู่หนึ่ง ผู้ชายเป็นคนไทย ผู้หญิงเป็นยุโรป น่ารักมากมาย กำลังไหว้พระ และเมื่อไหว้เสร็จแล้ว มีกรวดน้ำด้วย ดีจัง!!!!
เราใช้เวลาอยู่ที่วัดนี้ไม่นานนัก เนื่องจากเริ่มเย็นมากขึ้น “เกร็ดความรู้เพิ่มเติมจาก Google”วัดราชประดิษฐาน อยู่ริมคลองประตูข้าวเปลือก ฝั่งตะวันตก ถนนอู่ทอง ตำบลหัวรอ อำเภอพระนครศรีอยุธยา วัดนี้สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น เป็นวัดที่สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ครั้งดำรงพระอิสริยยศเป็นพระเฑียรราชทรง ผนวชอยู่
และเมื่อก่อนเสียกรุงฯ ใน พ.ศ. สอง สาม หนึ่ง ศูนย์ พระเจ้าอุทุมพร กรมขุนพรพินิต (ขุนหลวงหาวัด) ซึ่งทรงผนวชอยู่ ณ วัดประดู่โรงธรรม นอกพระนครก็ได้เสด็จมาประทับอยู่ ณ วัดนี้
จวบจนกระทั้งเสียกรุงฯ แล้ว จึงถูกพม่าเชิญไปยังประเทศพม่าด้วย ที่วัดนี้มีสิ่งที่ควรทราบอยู่อย่างหนึ่งคือ ที่ผนังพระอุโบสถเก่าของวัดนี้มีภาพเขียนสมัยอยุธยา ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เคยเสด็จพระราชดำเนินมาทรงทอดพระเนตร และโปรดเกล้าฯ ให้กรมขุนราชสีหวิกรมถ่ายอย่างภาพนั้นไว้
ก่อนที่จะไปสักการะวัดที่ 8 คือ “วัดกษัตราธิราชวรวิหาร” นั้น ได้แวะสักการะ “พระเจดีย์ศรีสุริโยทัย” ซึ่งอยู่ตรงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยากับวัด “กษัตราธิราชวรวิหาร”
เพื่อระลึกนึกถึงวีรกรรมที่สมเด็จพระศรีสุริโยทัย ได้กระทำคุณประโยชน์ไว้ต่อชาติบ้านเมือง พระเจดีย์ ศรี สุริโยทัย
หญิงเกรียงไกร ไม่เป็นสอง รองชายใด
ด้วยความรัก กล้าหาญ เต็มฤทัย
ด้วยห่วงใย ชาติบ้านเมือง ยามมีภัย...
อันผู้ใด ได้ระลึก สักการะ
ย่อมที่จะ รู้ซึ่ง ความกล้าหาญ
จะทำให้ ไปที่ใด ศัตรูแหลกลาญ
ไม่มีวัน ที่จะแพ้ ต่อผู้ใด...
ได้กราบสักการะต่อ “พระศรีสุริโยทัย”ด้วยบรรยากาศที่กำลังร่มรื่นของสวนไม้ อากาศที่ไม่ร้อนเริ่มจะเย็นแล้ว เลยได้เก็บรูปภาพสวย ๆ มาให้ได้ชมกัน “เกร็ดความรู้เพิ่มเติมจาก Google”เจดีย์พระศรีสุริโยทัยเจดีย์สีทองสูงเด่นองค์เดียวทางด้านทิศตะวันตกของ เกาะกรุงศรีอยุธยา ตั้งอยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ
เพื่อบรรจุพระบรมอัฐิของพระสุริโยทัย อัครมเหสีของพระมหาจักรพรรดิ ซึ่งได้ปลอมพระองค์เป็นชายอย่างมหาอุปราช เข้าทำศึกสงครามกับกองทัพของพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ แห่งพม่า ณ ทุ่งภูเขาทอง
พระสุริโยทัยถูกฟันสิ้นพระชนม์บนคอช้าง จึงได้มีการถวายพระเพลิงพระศพของพระองค์ ในบริเวณสวนหลวงของเขตพระราชวังหลัง แล้วจึงสร้างสถูปเจดีย์นี้ขึ้น รวมทั้งได้มีการอุทิศพื้นที่บริเวณนี้ให้เป็นวัด และให้ชื่อว่า วัดสวนหลวงสบสวรรค์
วัดที่ 8 “วัดกษัตราธิราชวรวิหาร” วัดสวยสด งดงาม ตระการตา
วัดกษัตรา ธิราช วรวิหาร
ริมแม่น้ำ เจ้าพระยา อลังการ
หลวงปู่เทียม พระอาจารย์ นามระบือ...
ใครได้กราบ สักการะ วัดกษัตราฯ
จะมีบุญยา บารมี สักยิ่งใหญ่
ไปที่ไหน ที่เหยียบย่าง ทุกที่ไป
เป็นที่รักใคร่ ของทุกคน ตลอดไป...
“วัดกษัตราธิราชวรวิหาร” เป็นวัดที่สวยงาม โดยเฉพาะการมองภาพผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วงเวลา แดดร่ม ลมตก หากได้นั่งมองพินิจภาพริมน้ำ ที่มีวัดกษัตราฯเป็นภาพหลัง จะทำให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย สงบนิ่งมากขึ้น
บรรยากาศสบาย ๆตกปลา ในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่เห็นฝั่งตรงข้ามคือ “วัดกษัตราธิราชวรวิหาร” น้อง “IS_BarBeQ” ได้กราบพระประธานในพระอุโบสถ เป็นวัดที่ 8 ด้วยความปิติ ที่ยังไม่เหน็ดเหนื่อย กับการ ขึ้นลงรถ เดิน ร้อน ขึ้นลงรถ เดิน ร้อน
“เกร็ดความรู้เพิ่มเติมจาก Google”วัดกษัตราธิราชวรวิหาร จ.พระนครศรีอยุธยาหรือชื่อเดิมคือ วัดกษัตราราม หรือ วัดกุสิตราราม เป็นพระอารามหลวงเก่า สมัยกรุงศรีอยุธยา ไม่ปรากฏประวัติหลักฐานการสร้าง มีปรากฏเพียงในพงศาวดาร ว่าครั้งรัชสมัยสมเด็จพระที่นั่งสุริยาอมรินทร์ (พระเจ้าเอกทัศ กษัตริย์องค์ที่ สาม สาม) ก่อนเสียกรุงฯ ครั้งที่สอง
เมื่อปี พ.ศ. สอง สาม ศูนย์ สาม พม่าได้มาตั้งกองทัพที่วัด โดยใช้เป็นที่ตั้งปืนใหญ่ เพื่อใช้ยิงเข้ามาในพระนคร จนกระทั่งปี พ.ศ. สอง สาม หนึ่ง ศูนย์ กรุงศรีอยุธยาแตก วัดได้ถูกเพลิงไหม้เสียหายเป็นอันมาก จนถูกทิ้งร้างตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ต่อมาได้มีการปฏิสังขรณ์วัด ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อปี พ.ศ. สอง สาม สี่ เก้า โดยเจ้าฟ้ากรมขุนอิศรานุรักษ์ พระเจ้าหลานเธอในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ได้ทรงปฏิสังขรณ์ทั้งพระอาราม
ถัดมาในปี พ.ศ. สอง สี่ สอง หนึ่ง ได้รับการปฏิสังขรณ์อีกครั้ง ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยได้พระราชทานหินอ่อนเพื่อปูพื้นพระอุโบสถ และได้พระราชทานนามวัดใหม่ว่า วัดกษัตราธิราช
ก่อนที่จะไปวัดที่ 9 ที่มีเป้าหมายคือสุดท้ายคือ “วัดภูเขาทอง” นั้นจะต้องแวะสถานที่สำคัญแห่งหนึ่ง ที่จะต้องแวะเพื่อกราบไหว้สักการะให้ได้
คือ “พระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช” พระบรม ราชา นุสาวรีย์
สมเด็จพระ นเรศวร มหาราช
ผู้ปราบปราม อย่างองอาจ อริราช
เข้าพิฆาต ศัตรู ้แผ่นดิน...
แผ่นดินไทย เรียกท่านว่า “มหาราช”
ไทยทั้งชาติ ยกย่อง คุณความดี
ให้ตัวเรา ต้องระลึก ในสิ่งนี้
เพื่อความดี อยู่คู่ ตัวเราไป...
“เกร็ดความรู้เพิ่มเติมจาก Google”
พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช (ทุ่งภูเขาทอง) ตั้งอยู่บริเวณทุ่งภูเขาทอง ใกล้เคียงกับทุ่งมะขามหย่องและพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย ในอดีตเคยเป็นสมรภูมิรบหลายครั้ง
เมื่อ พ.ศ. สอง หนึ่ง สอง เก้า สมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้ทรง กระทำศึกอย่างเ้ยมหาญเป็นผลให้อริราชศัตรูต้องพ่ายแพ้ไป พื้นที่นี้จึงได้รับการพัฒนาสร้างเป็นพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวร มหาราช เพื่อเทิดพระเกียรติและเป็นอนุสรณ์สถานรำลึก มหาวีรกรรมในครั้งนั้น
วัดที่ 9 “วัดภูเขาทอง” วัดภูเขาทอง ตั้งสูงเด่น เป็นสง่า
มีคุณค่า ให้ระลึก และจดจำ
มีความหมาย ลึกซึ้ง ในน้ำคำ
ต้องจดจำ ให้ดี ภูเขาทอง...
อันว่าทอง มีนั้น ประเสริฐศรี
ใครได้มี มีมาก มากยิ่งดี
แต่อย่าลืม ต้องปฎิบัติธรรม คุณความดี
แล้วจะมี ทองคำ เท่าภูเขาทอง...
วัดภูเขาทองนี้ เป็นวัดที่ 9 ที่ได้ตั้งใจไว้ว่า วันนี้จะต้องมาไหว้พระให้ครบ 9 วัด พอมาถึงก็มีคนอยู่ไม่มาก เลยได้ภาพที่สวยงามมาฝากให้ชมกัน น้อง “IS_BarBeQ” เดินขึ้นภูเขาทอง ชนิดไม่กลัวความสูงเลย (สงสัยจะกลัวว่า... มาไม่ถึง)ภาพถ่ายจากด้านบนของภูเขาทอง บันไดค่อนข้างลาดชันภายในพระอุโบสถ “วัดภูเขาทอง” ซึ่งอยู่ด้านหลังของพระเจดีย์ภูเขาทองเป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆที่ ได้มาเห็นช้างเสี่ยงทาย ซึ่งตอนที่เข้าวัดที่ 2 (วัดพนัญเชิง) ได้เสี่ยงทายไว้ แต่ไม่ได้ยก เนื่องจากมีพี่ผู้หญิงมาอุ้มไปก่อน
พอมาถึงวัดสุดท้าย ในอุโบสถมีเพียง 2 คนเท่านั้น เลยได้อธิษฐานช้างเสี่ยงทายอีกครั้งหนึ่ง “เกร็ดความรู้เพิ่มเติมจาก Google”วัดภูเขาทองหนังสือคำให้การชาวกรุงเก่ากล่าวว่า พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองเป็นผู้สร้างเมื่อพ.ศ. สอง หนึ่ง หนึ่ง สอง คราวยกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยา
ในเวลาที่ประทับอยู่พระนครศรีอยุธยา ได้สร้างพระเจดีย์ภูเขาทองใหญ่ แบบมอญขึ้นไว้เป็นที่ระลึก
เมื่อคราวรบชนะไทย โดยรูปแบบของฐานเจดีย์มีลักษณะคล้ายกับแบบมอญพม่า สันนิษฐานว่าสร้างเจดีย์องค์นี้ขึ้นเพื่อชัยชนะแต่ทำได้เพียงรากฐาน แล้วยกทัพกลับ ครั้งสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงกอบ้เอกราชกลับคืนมาเมื่อพ.ศ. สอง หนึ่ง สอง เจ็ด
จึงโปรดเกล้าฯให้สร้างเจดีย์แบบไทย ไว้เหนือฐานแบบมอญ และพม่าที่สร้างเพียงรากฐานไว้ ณ สมรภูมิทุ่งมะขามหย่อง ฝีมือช่างมอญเดิมจึงปรากฏเหลือเพียงฐานทักษิณส่วนล่างเท่านั้น
เจดีย์ภูเขาทองจึงมีลักษณะสถาปัตยกรรมสองแบบผสมกัน ปัจจุบันกรมศิลปากร ได้สร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงม้าบริเวณด้านหน้าวัดภูเขาทอง
จบการเดินทางมาไหว้พระ 9 วัดตามที่ได้ตั้งใจไว้ พร้อมกับสถานที่สำคัญอีก 2 แห่ง ปางช้างอีก 1 แห่งด้วยใจที่เบิกบาน และด้วยใจที่มีความตั้งใจ ที่จะมาไหว้พระให้ครบ 9 วัดด้วยสิ่งนั้น ขอนำบุญมาฝากต่อสมาชิกทุกคนใน Wlg แห่งนี้
ให้ได้บุญร่วมกันเสมือนหนึ่งได้เดินทางร่วมกัน และร่วมอนุโมทนาบุญในครั้งนี้ด้วย
สาธุ ๆๆ เวลา 19.40 น. ล้อได้มาหยุดหมุนที่ MRT ลาดพร้าว
เพื่อส่งน้อง “IS_BarBeQ” เดินทางกลับในเส้นทางเดิมเมื่อขามา
ขอบคุณเรื่องราวดีดีทั้งหลายที่เกิดขึ้นในวันนี้ (อาทิตย์ที่ 7 ธันวาคม 2557)ขอบคุณผู้อ่าน ที่อ่านมาถึงตรงนี้Wat012
อ๊อด