ขอบคุณสำหรับการติดตามนะครับ เรามาเที่ยวสักการะวัดกันต่อด้วยกันนะ วัดที่ 3 “วัดมงคลบพิตร” วัด”มงคลบพิตร” สถิต ทั่วหล้า
ตระการตา ยิ่งใหญ่ แผ่ไพศาล
เป็นมงคล ชื่นชม ให้เบิกบาน
ตลอดกาล ถิ่นแคว้น แดนใกล้ไกล...
วัดมงคล สำหรับคน ที่ยิ่งใหญ่
ทุกที่ไป คนยอมรับ และนับถือ
เป็นมงคล ทั้งตระกุล ให้เลื่องลือ
ให้เลื่องชื่อ ลือชา ตลอดไป...
คุณน้อง “IS_BarBeQ” ได้เข้ากราบพระมงคลบพิตรภายในพระอุโบสถวัดมงคลบพิตร กับเศียรพระพุทธรูปภายในพระอุโบสถ เป็น ครั้ง แรกในชีวิต ด้วยความเบิกบานได้ทำบุญใส่เหรียญลงบาตรกับพระพุทธรูปประจำวัน ด้านนอกอุโบสถวัดมงคลบพิตร (ไม่รู้อธิษฐาน ขอพร อะไร?)
พร้อมกับตีระฆังให้ชื่อเสียงดังกังวาล หลังจากเดินจนอิ่มบุญ ได้เวลาต้องอิ่มท้อง กับร้านอาหารข้างวัด (ตลาดขายของที่ระลึก ขนมของกินมากมาย) ก๋วยเตี๋ยวเรือ 1 ชาม (กับที่ติดอยู่ในมืออีกหลายชิ้น) น้ำมะพร้าว 1 แก้ว สำหรับน้อง “IS_BarBeQ”ผัดไทยกุ้งสด ข้าวผัดกระเพราไข่เจียว (55 อันนี้พิเศษสำหรับผู้พาเที่ยวทำบุญ) รวมทั้งหมด = 170บาทกินเสร็จต้องมาเทียบพุงกัน ใครย่ายกว่า!!!! จากนั้น ขยับต่อไปอีกนิดใกล้ ๆกัน ได้ไปที่ปางช้างอยุธยา คุณน้อง “IS_BarBeQ” ให้ข้าวโพดช้าง ด้วยความกลัวว่า “งวงช้างจะรัดเอว เอาเข้าปากไปด้วย”ได้ทำทานกับสัตว์ใหญ่ เพิ่มมาอีกหนึ่งอย่าง น้อง “IS_BarBeQ” “เกร็ดความรู้เพิ่มเติมจาก Google”ประวัติวิหารพระมงคลบพิตร ถ้าตามพระราชพงศาวดารฯ บริเวณที่ตั้งวิหารนี้เคยเป็นวัด
ในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมเพราะระบุว่าโปรดอัญเชิญพระพุทธรูปขนาดใหญ่
นามว่า “มงคลบพิตร” มาจากพื้นที่ทางตะวันออก
ต่อจากนั้นก็ทรงก่อมณฑปครอบ ครั้นถึงรัชกาลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ
โปรดเกล้าให้มีการบูรณะปฏิสังขรณ์พระมงคลบพิตรขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
โดยโปรดให้ทำบัวหงายคั่นระหว่างพระเกตุมาลากับพระรัศมี
ส่วนพระวิหารนั้นก็โปรดให้รื้อเครื่องบนออก แล้วก่อหลังคาให้เหมือนดังพระวิหารทั่วไป
ต่อมาเมื่อกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าครั้งที่ พ.ศ. สอง สาม หนึ่ง ศูนย์ นั้น
พม่าเข้าใจว่าพระมงคลบพิตรเป็นพระพุทธรูปทองคำ จึงได้ใช้ไฟสุมลอกทอง
จนกระทั่งองค์พระ ตลอดจนพระวิหารได้รับความเสียหายมาก
โดยเฉพาะเครื่องบนพระวิหารที่หักลงมา ต้องพระเมาฬีและพระกรข้างขวาจนแตกหัก
ตกลงมากลายเป็นซากปรักหักพัง
นับแต่นั้นมาจนกระทั่งถึงรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่
จึงได้มีการบูรณะปฏิสังขรณ์ขึ้น เมื่อครั้งพระยาโบราณราชธานินทร์ ดำรงตำแหน่ง
สมุหเทศาภิบาลมณฑลกรุงเก่าครั้งนั้นได้มีการซ่อมพระเมาฬีและพระกรข้างขวา
ด้วยปูนปั้น
ส่วนพระวิหารที่อยู่ในสภาพชำรุดทรุดโทรม ก็ได้มีการบูรณะขึ้นใหม่ด้วยเช่นกัน
วัดมงคลบพิตร เป็นวัดโบราณสำคัญแห่งหนึ่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
โดยที่ตั้งของวัดมงคลบพิตรและพระราชวังโบราณตั้งอยู่ติดกัน
นักท่องเที่ยวจึงนิยมเข้ามานมัสการหลวงพ่อมงคลบพิตรก่อนจะเข้าชมพระราชวังโบราณ
และบริเวณทางด้านหน้าวิหารวัดพระมงคลบพิตร มีร้านค้าตั้งเรียงรายมากมายหลายร้าน
จำหน่ายผลิตภัณฑ์พื้นเมืองแทบทุกชนิดเช่น ปลาตะเพียน เครื่องจักสานเครื่องหวาย
มีดอรัญญิก ผลไม้กวน และขนมชนิดต่างๆ เหมาะสำหรับผู้สนใจซื้อสินค้าพื้นเมืองและของที่ระลึกต่างๆ
วัดที่ 4 “วัดหน้าพระเมรุ” วัดหน้าพระเมรุ แถวหน้า อยุธยา
ผู้คนมา กราบไหว้ พระพุทธนิมิตวิชิตมาร
โมลีศรีสรรเพชญ์ บรมไตร โลกนาถ
พุทธราช เครื่องทรงกษัทตริย์ งามวิจิตร...
จะพิชิต ปราบปราม ศัตรูพ่าย
ให้มลาย หายสูญ ทั้งอินทรีย์
จะโด่งดัง อยู่แถวหน้า ไร้ราคี
ตลอดปี ตลอดเวลา ทุกชาติไป…
วัดหน้าพระเมรุ ได้รับการกล่าวขวัญถึงว่า “พระพุทธนิมตวิชิตมารโมลีศรีสรรเพชญ์ บรมไตร โลกนาถ ภายในพระอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปเครื่องทรงกษัตริย์ ที่มีความสวยงามที่สุดในจังหวัดอยุธยา เป็นโอกาสที่ดีที่ได้มากราบพระพุทธนิมิตวิชิตมารโมลีศรีสรรเพชญ์บรมไตรโลกนาถ ซึ่งเป็นวัดที่ไม่ได้ถูกทำลายในสมัยเมื่อเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2“บรรยากาศที่ดีดี สวยงาม ทำให้จิตใจชุ่มชื่นได้มาก” (แอบคิดในใจ 555) “เกร็ดความรู้เพิ่มเติมจาก Google”
วัดหน้าพระเมรุ เป็นวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์กรุงศรีอยุธยา
เนื่อจากเคยเป็นวัดที่พม่าใช้ตั้งฐานบัญชาการจึงเป็นวัดเดียว
ในกรุงศรีอยุธยาที่ไม่ได้ถูกพม่าทำลาย
และยังคงปรากฏสถาปัตยกรรมแบบอยุธยา
และอยู่ในสภาพสมบูรณ์มากที่สุดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
วัดหน้าพระเมรุ เป็นวัดยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่มักเดินทางไปนมัสการ
หลวงพ่อพระพุทธนิมิตวิชิตมารโมลีศรีสรรเพชญ์บรมไตรโลกนาถที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งในกรุงศรีอยุธยา
ประวัติตำนานกล่าวถึงวัดนี้ว่า พระองค์อินทร์ในสมเด็จพระรามาธิบดีที่ รัชกาลที่ สิบ
แห่งกรุงศรีอยุธยา ทรงสร้างเมื่อจุลศักราช .. ( พ.ศ. สอง ศูนย์ สี่ หก ) ประทานนามว่า
“วัดพระเมรุราชิการราม” แต่ประชาชนส่วนมากนิยมเรียกว่า “วัดพระเมรุ” จึงเป็นนาม
ของวัดที่ใช้มาจนทุกวันนี้
ในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา กล่าวถึงเหตุการณ์คราวทำสัญญาสงบศึกระหว่าง
สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์กับพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง มีการปลูกพลับพลาเป็นที่ประทับ
ซึ่งอยู่ด้านหน้าวัดพระเมรุกับวัดหัสดาวาส (ปัจจุบันวัดหัสดาวาสเหลือเพียงซากเจดีย์)
อีกตอนหนึ่งเมื่อคราวสมเด็จพระเจ้าอะลองพญามาตีกรุงศรีอยุธยา เมื่อเดือน ขึ้น ค่ำ
พ.ศ สอง สาม ศูนย์ สาม พม่า เอาปืนใหญ่มาตั้งที่วัดพระเมรุราชิการามกับวัดหัสดาวาส
พระเจ้าอะลองพญา ทรงบัญชาการและทรงจุดปืนใหญ่เอง ปืนใหญ่ที่ตั้งอยู่ในวัดพระเมรุราชิการามแตกต้องพระองค์
บาดเจ็บสาหัส ประชวรหนักในวันนั้น พอรุ่งขึ้น ค่ำ เดือน พ.ศ. สอง สาม ศูนย์ สาม พม่าเลิกทัพกลับไป
ทางเหนือหวังออกทางด่านแม่ละเมาะ แต่ยังไม่พ้นแดนเมืองตาก พระเจ้าอะลองพญาก็สิ้น
พระชนม์ระหว่างทาง
วัดที่ 5 “วัดแม่นางปลื้ม” วัดแม่นางปลื้ม ร่มรื่น สุดจะปลื้ม
สุขสดชื่น ร่มเย็น จิตแจ่มใส
มากับ นส. “IS_BarBeQ” ช่างเป็นใจ
ใจสดใส สมชื่อ วัดแม่นางปลื้ม…
หลวงพ่อขาว ขาวสะอาด ขาวบริสุทธิ์
พระพุทธ นิมิตมงคล ศรีรัตน์ไตร
เป็นมงคล ใสบริสุทธิ์ อยู่ภายใน
ให้จิตใจ เปี่ยมสุข ทุกชาติไป...
หลังจากออกจากวัดหน้าพระเมรุ ได้ตั้งใจเลือกที่จะพาน้อง “IS_BarBeQ” มาที่วัดแม่นางปลื้มโดยเฉพาะ เพราะเห็นว่า วัดนี้เป็นวัดโบราณที่ดูเก่าแก่ ที่ยังสามารถรักษารูปลักษณ์ภายนอกเดิม ๆได้เป็นอย่างดี และภายในวัดยังมีต้นไม้ใหญ่ที่ดูร่มรื่น
แอบคิดในใจเล็ก ๆ “ชื่อวัดด้วย เผื่อว่า... แม่นางจะปลื้ม!!!!) รูปนี้คุณน้อง “IS_BarBeQ” กำลังอินกับพระอุโบสถ “วัดแม่นางปลื้ม” แม่นางกำลังรู้สึกเหมือนกับได้กับมาในสถานที่ ที่คุ้นเคยมาก่อน (อันนี้... แม่นางบอก!!!)คล้าย ๆกับว่า ผู้หญิงที่มาวัดนี้ แม่นางจะต้องปลื้ม “แม่นางปลื้ม”
คุณน้อง “IS_BarBeQ” ได้กราบขอพร และร่วมทำบุญทอดผ้าป่าสามัคคี กับหลวงพ่อขาวด้วยรูปนี้น้อง “IS_BarBeQ” คงกำลังเป็นปลื้ม เผื่อจะได้โชคลาภติดไม้ติดมือกลับมาด้วยมีเรื่องขำ ๆ เกิดขึ้นกับคุณป้าขายล็อตตารี่คนนี้ มาเล่าให้ฟัง ด้วยความที่ไม่มีใครเข้ามาในวัดเลย ตอนขาเข้า (มีอยู่ 2 คนเท่านั้น)
เราสองคนเดินเข้ามาแบบปกติ ตัวใครตัวมัน น้อง “IS_BarBeQ” เดินนำหน้าแถวเรียงเดี่ยว
คุณป้าแกตะโกนทัก ถามมาที่ผมว่า “มากับลูกสาวคนเล็ก หรือคนโตรึ” 555555555555 เราแอบขำกลิ้งเลยยยยยอ้ายเราก็ตอบไปว่า “คนโตครับ 6666 – 555 กำลังจะเข้าวัดแล้ว ยังจะพูดปดอีก” ยังไม่จบ “ขาออก” คุณป้าแกตะโกนทักอีก “ช่วยซื้อล็อตตารี่ป้าด้วย ให้ลูกสาวคนสวยเลือกให้ 55555555 ได้ขำอีกรอบ (ด้านลูกสาวยิ้มแก้มปริเลย....)” ขณะที่คุณน้อง “IS_BarBeQ” กำลังเลือกอยู่ ดันตะโกนถาม “พี่มาช่วยเลือกหน่อยซิ”คุณป้าแกหัวเราะใหญ่เลย แกพูดต่อ “อ๋อ เป็นพี่น้องกันหรอกรึ ถึงว่าซิ หน้าตาเหมือนกันเลย” 555555555555555 คราวนี้ขำดังเลยยยยยยย เลยได้ล็อตตารี่ของคุณป้ามา 1 คู่
จบวัดที่ 5 “วัดแม่นางปลื้มด้วยประการละฉะนี้ “สงสัยจะจริงอย่างชื่อวัด แม่น้องนาง “IS_BarBeQ” สุดจะปลื้มเลย”
“ได้ทำบุญ ไหว้พระ ทอดผ้าป่า ได้ล็อตตารี่ ได้รับคำชมว่าสวย แถมเด็กอีกตะหาก” “เกร็ดความรู้เพิ่มเติมจาก Google”วัดแม่นางปลื้ม เดิมชาวบ้านเรียกว่า วัดนางปลื้ม หรือ วัดสมปลื้ม สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นประมาณ พ.ศ. หนึ่ง เก้า สอง ศูนย์
บริเวณที่ตั้งวัดเคยเป็นที่ตั้งค่ายของพม่า ซึ่งยกมาล้อมกรุงศรีอยุธยาหลายครั้ง
ยังมีเนินค่ายปรากฏอยู่ชาวบ้านเรียกว่า โคกพม่า
ลักษณะรูปแบบศิลปกรรม จากรูปแบบเจดีย์ประธานของวัด สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างสมัยเดียวกับวัดธรรมิกราช
และวัดมเหยงคณะ
กล่าวคือ ลักษณะเป็นเจดีย์ทรงกลมองค์ระฆังคว่ำแบบเจดีย์ทรงลังกา ตั้งอยู่บนฐานสิงห์ล้อมเช่นเดียวกัน
และยังประดับตกแต่งลวดลายปูนปั้นที่หน้าบันพระวิหารด้วย
ภายในวัดมีเจดีย์ทรงระฆังที่สร้างเป็นประธาน สร้างอยู่บนฐานสูง ฐานล่างมีสิงห์ปูนปั้นล้อมรอบ
ลักษณะเป็นฐานบัวประดับด้วยลวดบัวลูกฟังลายบัว แบบนี้สืบทอดมาจากศิลปะเขมร-ลพบุรี
ภายในอุโบสถหลวงพ่อขาว พระพุทธนิมิตมงคลศรีรัตน์ไตร เป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์
มักมีผู้คนแวะมาสักการะขอพระเสริมสิริมงคลและ บนบาน มักจะสัมฤทธิ์ผลทุกราย
แต่ละรายมาแก้บนด้วยไขต้มและพวงมาลัย
เจดีย์ วิหารและองค์หลวงพ่อขาวได้รับการปฏิสังขรณ์ จากรมศิลปากรเมื่อปี สอง ห้า สี่ สาม
จึงดูโด่ดเด่น และองค์รูปเหมือนท่านเจ้าคุณสุนทรธรรมโกศล (ท่านเจ้าคุณเกตุ) อดีตเจ้าอาวาส
ยังเหลืออีก 3 วัด กับสถานที่พิเศษอีก 1 แห่ง สำหรับการเดินทางมากราบไหว้วัด 9 วัด
ติดตามในตอนต่อไปนะครับ