ตลอดปีที่ผ่านมา ผมได้พูดคุยกับน้องในเว็บหลายคน บางคนก้อไม่มีแม้แต่โอกาสได้ทำความรู้จักกัน บางคนก็มีโอกาสได้รู้จักกันแต่ไปไม่ถึงการได้พบกัน แต่นั่นแหละมีบางส่วนที่เราสามารถพัฒนาจนพบเจอกันได้ และมีส่วนหนึ่งแม้จะไม่มากที่กลายเป็นความทรงจำที่น่าประทับใจ และผมจะเก็บมันไว้เพราะผมยังอยากจะยิ้มกับความทรงจำที่ผมมีในอดีตที่ผ่านมา นี่คือความทรงจำที่ผมพอจะสรุปและรวมไว้เพื่ออ่านกระตุ้นภาพในวันเหล่านั้น มันน่ารักและมีรอยยิ้มปนอยู่ในนั้นเลยอยากจะมาแบ่งปัน ถือว่าอ่านสนุกๆนะครับ บางคนอาจจะคิดว่ามันจริงหรือไม่จริงผมไม่กังวลกับความสงสัยเหล่านี้เลย พี่ๆน้องๆที่อ่านก้ออย่าไปคิดมากเลยครับ แต่แน่นอนเธอเหล่านั้นที่ผมเขียนถึงคงรู้ว่าเรื่องราวเหล่านี้มันคือเรื่องราวของพวกเธอ และเธอคงรู้ว่าสิ่งที่เขียนนั้นไม่เท่าที่เรารู้สึกกันในวันนั้น แต่อย่างน้อยมันคงทำให้เธอเหล่านั้นได้หวลนึกถึงวันเหล่านั้นที่เราเคยเจอกันนะครับ นี่คือที่มาของการบ้านชุด “กาลครั้งหนึ่งที่ WLG”การบ้านที่เก็บรวบรวมความประทับใจที่ไม่เคยเขียนมาก่อนตลอดปี2016 …………
https://www.youtube.com/watch?v=xbZyjScHnAw S2: หนูขอกลับได้มั้ย………….
“หนูไม่ไหวค่ะพี่ หนูขอกลับได้มั้ย” คำพูดที่ทำเอาผมตกใจ และทุกครั้งที่ผมนึกถึงวัยรุ่นซักคนที่อยากลอง หรืออยากรู้ แต่พอถึงจุดนึงรู้สึกว่ามันล้ำเส้นเกินไป ผมจะเห็นภาพเธอคนนี้ขึ้นมาในความทรงจำทุกครั้ง ผมจำจุดเริ่มต้นของเราได้ชัดเจน เพราะเธอเป็นคนกวนๆแบบเงียบๆ เธอส่งภาพของเธอมาให้ผมแต่เป็นภาพที่มีคนอยู่ในนั้นมากกว่า 20 คน เธอถามผมว่า “พี่อยากถ่ายรูปใครที่สุดในนี้” ผมตกใจและกังวลเหมือนประมาณว่าถ้าเลือกผิดผมอาจจะไม่มีโอกาสได้เจอกับสาวน้อยอารมณ์แปลกๆคนนี้ ผมเลือกไปสามคน และแน่นอนผมเลือกถูก เลือกจากอะไรนะเหรอ เลือกจากความรู้สึกจริงๆนั่นแหละ ไม่มีหลักการอะไรเลย เธอยอมเจอผม แต่เธอไม่รับปากว่าจะรับงานผม ผมไม่ค่อยแปลกใจ เพราะคนที่มาจากสถาึกษาแบบนี้จะรับงานผมเหรอ มันออกจะแปลกๆไปซักหน่อย แต่จะเป็นไรไปในเมื่อที่ผ่านมาผมก็เจอกับเรื่องแปลกๆในเว็บนี้มาเยอะแล้ว ถึงวันนัดเธอก็นั่งเรือข้ามฟากมาหาผม เล่ามาถึงตรงนี้คงพอเดาได้แล้วว่าเธอเรียนที่ไหน วันที่เธอมาเจอผมเป็นวันสุดท้ายของการสอบของเธอพอดี ผมนั่งรอในร้านกาแฟที่มีหนังสือให้นั่งอ่าน ผมเลือกหยิบหนังสือน่ารักๆมาอ่านทั้งๆที่ผมอยากอ่านอีกเล่มหนึ่งมากกว่า เธอมาถึงหลังจากผมมานั่งได้ไม่นานนัก และเมื่อผมตั้งใจมองเธอผมพบว่าเธอน่ารักนะ แม้เธอจะไม่ค่อยยิ้ม และมีสีหน้าที่บอกได้เลยว่าเธอเป็นเด็กผู้หญิงที่มีโลกส่วนตัวสูงมาก มากจนบางครั้งถ้าเธอหลุดไปอยู่ในนั้นนานเกินไปความสดใสตามวัยของเธอจะหายไป ผมชวนเธอคุยไปเรื่อยๆ เธอมองมาที่หนังสือที่ผมวางไว้บนโต๊ะ แต่นั่นแหล่ะ ผมไม่รู้นึกยังงัยกลับไปพูดถึงหนังสืออีกเล่มที่ผมไม่ได้หยิบ แต่แววตาของเธอเปลี่ยนไป เธอพูดคุยอย่างออกรสออกชาติถึงหนังสือเล่มนั้น ให้ตายเถอะ ผู้หญิงเดินมาร้อยคนไม่มีใครหยิบหนังสือเล่มนี้หรอก แล้วก้อถึงเวลาที่ผมถามเธอว่า “ไปต่อกับพี่นะ” เอมันก็ไม่ใช่ประโยคคำถามนะ ออกแนวประโยคบอกเล่า เธอนิ่งไป สายตาเธอมองต่ำลง แล้วเหลือแค่อาการพยักหน้าเบาๆ
เมื่อเราได้อยู่ด้วยกันสองคนผมก็ปล่อยความรู้สึกให้มันเป็นไปตามที่ผมรู้สึกจริงๆ แต่มันสะดุดเป็นระยะๆ ผมไม่แน่ใจว่ามันเป็นเพราะอะไร จนเธอเอ่ยประโยคที่ผมตกใจมากออกมา “หนูไม่ไหวค่ะพี่ หนูขอกลับได้มั้ย” ผมหยุดและมองเธอ เธอกลับพูดประโยคบางอย่างต่อมาทำเอาผมต้องโกรธตัวเองว่าเราทำอะไรไม่ดีออกไปรึป่าว “พี่ไม่ต้องให้เงินหนูก็ได้นะคะ หนูกลับดีกว่า” ผมจึงบอกเธอให้นั่งคุยกันก่อน ค่อยๆคุยกัน เพราะผมไม่อยากทำให้เธอรู้สึกไม่ดี และผมก็อยากจะให้ค่าตอบแทนตามที่ตกลงกันไว้ มันอาจจะต่างจากปกตินิดหน่อย ตรงที่เราพูดคุยกันครั้งนี้ เป็นในขณะที่ผมนวดให้เธอไปด้วย เธอยิ้มมากขึ้น เธอรู้สึกดีมากขึ้น และเราก็ไปในจุดที่เราโอเคด้วยกันทั้งคู่ และเป็นสัญลักษณ์บอกให้รู้ว่า เราจะได้เจอกันอีก มือของเธอที่กอดผมในวันนั้น ผมรู้สึกดีนะ เพราะมันเป็นอะไรที่น่าจะมาจากความรู้สึกในเวลานั้นจริงๆ ทุกวันนี้เธอก็ยังพูดคุยด้วยอารมณ์ติสๆตามประสาวัยรุ่น แต่มันมีเสน่ห์ และชวนให้ผมควรจะพบเจอเธอได้อีกจริงๆ