อันที่จริงเรื่องราวในครั้งนี้ ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เหมือนเรื่องบังเอิญทั้งนั้น
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แพทเองมีการนัดหมายกับพี่ๆหลายคนว่าจะไปปั่นจักรยานที่สวนรถไฟกัน
แต่แล้วพอถึงวันจริงบังเอิญว่าทุกคนติดธุระกันหมดเลย
เวลาล่วงเลยไปถึงบ่ายแก่ๆ แพทก็ยังนั่งเล่นนอนเล่นในห้อง
อยู่ๆก็มีพี่คนนึงโทรมา
“ขอโทษนะครับ เรานัดกันกี่โมง?”
แพทตกใจมาก ลืมไปว่านัดพี่คนหนึ่งไว้ แต่ไม่ได้โทรถามว่าจะมารึเปล่า
ที่เป็นเช่นนี้เพราะพี่เค้าPMมาบอกว่าจะแบกกล้องไปถ่ายรูปด้วยกัน และก็ให้เบอร์ไว้
แพทเองก็โทรไปหา แต่เราคุยกันแค่ไม่กี่คำก็นัดกันได้แล้ว
แพทไม่คิดว่าพี่เค้าจะจำได้ว่าเรานัดกัน เพราะไม่ได้นัดกันเป็นเรื่องเป็นราว
ประทับใจมากเลยที่พี่เค้าลงตารางเอาไว้ว่าจะมาด้วยกัน
เพื่อเป็นการไม่ให้เสียน้ำใจ แพทเลยปัดๆไปว่า "สักห้าโมงครึ่งค่ะ"
แพทรีบอาบน้ำแต่งตัวอย่างด่วนจี๊
“ตอนแรกจะไม่ไปแล้วเชียว ตาบ้านี่จะโทรมาเพื่อ? คนยิ่งเซงๆอยู่ มีแต่คนเลื่อนนัด" คิดในใจไปแต่งตัวไป
เรานัดเจอกันที่สวนจตุจักรฝั่งติดกับBTS
เจอครั้งแรกถึงกับตกใจเบาๆค่ะ ทำไมใส่เสื้อโลโก้สถาบันเราว่ะ?
พอถามไปถามมาพี่เค้าก็บอกว่าพี่เค้าเป็นตากล้องของคณะหนึ่งในมหาลัย
ดูหล่อมากค่ะ ตอนนั้นปลื้มมากอ่ะ
ด้วยความที่เป็นคนชอบถ่ายภาพและถูกถ่ายภาพ ก็เลยรู้สึกว่าสามารถคุยเป็นกันเองได้
เราเดินไปสวนรถไฟด้วยกัน เราคุยเรื่องทั่วๆไปตลอดทางที่เราเดินไปด้วยกัน
อันที่จริงแล้วถือว่าเป็นระยะทางที่ใกล้กันมาก
แต่ด้วยความที่คุยถูกคอและพี่เค้าก็เป็นคนอัธยาศัยดี ทำให้รู้สึกว่าระยะทางมันใกล้นิดเดียว
(เหมือนใจที่ใกล้กันไง อิอิ ปล.แอบเสี่ยว
)
เราเดินมาเช่าจักรยานมาปั่นกัน
ยอมรับว่าเป็นช่วงเวลาที่เพลินมากค่ะ ปั่นจักรยานเล่นไปคุยไป
(แต่ไม่ได้ปั่นคันเดียวกันนะ ปั่นคนละคัน แต่ปั่นคู่กัน นึกภาพออกใช่ไหม?
)
เป็นเพราะเราสนิทกันเร็วเลยทำให้พี่เค้าพูดเรื่องส่วนตัวออกมาค่อนข้างเยอะ
พี่เค้าบอกว่าเพิ่งอกหักด้วย โห............โสดด้วยอ่ะ
คือตอนนั้นแพทเองเพ้อไปเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่รู้ว่าพี่เค้าคิดอะไรรึเปล่านะ
พอเราปั่นจักรยานเสร็จ ก็เอาจักรยานไปคืน
ระหว่างทางที่ต้องเดินกลับมาขึ้นBTS ก็ผ่านลุงคนนึงเค้าเล่นดนตรีสากลอ่ะ
แต่เราไม่รู้ว่าเรียกว่าอะไรนะ เรียกแซ็กโซโฟนมั้ง คลาสสิกมากจริงๆ
พี่เค้าชอบมากเลย บอกว่าอยากยืนฟังด้วยถ้ามันไม่ร้อน
น่ารักดีอ่ะ ฟังแล้วชวนให้เราหัวเราะเลย
เราสองคนเดินมาตามทางเรื่อยๆเพื่อไปยังBTS
ระหว่างทางพี่เค้าก็ถามว่าอยากกินไร หิวไหม เย็นแล้วพี่หิวอ่ะ ชอบคำนี้มากเลยอ่ะ
ฟังแล้วให้ความรู้สึกเด็กๆแบบจริงใจ อะไรประมาณนี้
ท้องฟ้าก็มืดขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งมืดสนิท
เรากะพี่เค้าหาทางออกจากสวนรถไฟไม่ได้ เพราะเดินไปแล้วมองไม่เห็นทางเลย
มันมืดไปหมดเลยอ่ะ แต่ความกลัวของเราก็หายไปหมด
อาจเป็นเพราะอยู่ใกล้ๆพี่เค้าด้วยแหละ
พี่เค้าชวนคุยตลอดระยะทางที่เราเดินหลงเลย
แม้ว่าจะเป็นการหลงทางแย่ๆที่ไม่น่าหลง
แต่ก็ดีที่มันเป็นการหลงทางที่ทำให้เรามีเวลาร่วมกันมากขึ้น
สุดท้ายเราก็เจอยามและในที่สุดเราก็หาทางออกมาจากสวนรถไฟที่เปลี่ยวและมืดสนิทได้
(เป็นบุญจริงๆค่ะ คิดว่าจะต้องติดอยู่ในนี้จนเช้าซะอีก
)
เราเดินออกมาไม่ทันถึงBTS พอเห็นถนนได้ พี่เค้าก็โบกแท็กซี่เพื่อไปหาอะไรกินทันที
(ไม่ไหวแล้วจริงๆ เดินไกลและเหนื่อยมาก)
แท็กซี่มุ่งหน้าไปยังเซ็นทรัล ลาดพร้าวทันที
ในที่สุดเราก็ได้กินข้าวกันซะที หลังจากเหน็ดเหนื่อยและมองไม่เห็นมานาน
ดูพี่เค้ากินอะไรได้ไม่เยอะ อาจจะเป็นเพราะเหนื่อยมากไปก็ได้
ตลอดระยะเวลาการจัดการกับมื้อเย็น เราคุยกันตลอดเลย
(การใช้เวลาคุยกันในระหว่างทานอาหารทำให้เข้าใจกันมากที่สุดจริงๆ
)
บังเอิญเราเหลือบไปเห็นนามบัตรพี่เค้าระหว่างมื้อค่ำนี้ด้วย
เลยขอพี่เค้ามาดู ตอนแรกพี่เค้าก็หวงๆอ่ะ แต่สุดท้ายก็ยอมส่งมาอยู่ดี (ด้วยอำนาจของเราเอง อิอิ
)
“ห๊ะ!!!!!!!! อะไรเนี้ย ไหนบอกเป็นช่างภาพไง?”
แว๊บเดียวที่ได้อ่านนามบัตรใบนั้นถึงกับช๊อค
เพราะพี่เค้าไม่ได้เป็นแค่ช่างภาพค่ะ แต่เป็นอะไรที่ใหญ่พอตัวเลย
ตกใจจริงๆค่ะ ไม่มีอารมณ์โกรธที่พี่เค้าไม่ได้บอกเลย แต่ตกใจ ตกใจอย่างเดียว
พี่เค้ารีบปลอบว่าอย่าตกใจ แล้วไม่ให้หนีไปไหนด้วย
และยังบอกอีกว่าก็พี่ถ่ายภาพจริงๆคับ แค่บอกไม่หมดเท่านั้นเอง
คุยไปคุยมาก็เลยรู้ว่าที่พี่เค้าไม่บอกเพราะกลัวจะเกรงแล้วหนีกลับบ้านซะก่อน
หลังจากนั้นก็เริ่มเกร็งจริงๆค่ะ
แต่พออยู่ๆไปก็ชินกะความเกร็งนั้น
พี่เค้าเป็นกันเองจนรู้สึกว่าเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันไปแล้ว
ยอมรับว่ามื้อค่ำม้ือนี้เป็นอีกม้ือหนึ่งที่มีความพิเศษมากเลยทีเดียว
พอทานข้าวเสร็จ พี่เค้าก็ชวนไปทานเค้กต่ออีกร้านนึง
ระดับนี้แล้ว คิดว่าจะตอบว่าไงค่ะ เจอมากซะเยอะเลย
“ไปคะ จะพลาดได้ไง
" (เอาของกินมาล่อทีไร ก็เป็นแบบนี้ทุกทีเลยง่ะ
)
ระหว่างเราไปนั่งทานเค้กกันพี่เค้าก็สั่งน้ำชามานั่งทานกับเค้กด้วยอ่ะ
พี่เค้าบอกว่าชากลิ่นนี้พี่เค้าชอบมาก (เราก็เลยชอบด้วย
)
ไม่รู้ว่าทำไม อาจเป็นเพราะชากลิ่นนี้มันหอม
ฟังแล้วโรแมนติคมากอ่ะ เค้กชิ้นนั้นอร่อยมากเลยแหละ
แบบว่าพี่เค้าบอกว่าพี่เค้าชอบเค้กร้านนี้มาก ไม่ว่าสาขาไหนก็ชอบ
ระหว่างทานเค้กเราก็คุยเรื่องเค้กไปซะรอบโลกเลย
เพิ่งรู้ว่าพี่เค้าก็ชอบทานอะไรเหมือนๆกับเราตั้งแต่ของคาวยันของหวานเลย
ค่ำนั้นเรา็กลับบ้นพร้อมๆกันโดยMRTแล้วพี่เค้าก็ไปต่อBTS
พอกลับมาเราเพ้อมากมายเลยแหละ โอ๊ย................ไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย
ชอบเค้าอย่างจังๆเลยอ่ะ เราก็ไม่รู้ว่าจะทำไงดีอ่ะ
บอกตรงๆว่าครั้งนี้เป็นอะไรที่บังเอิญมากๆและทำให้เราประทับใจมากๆเลยจริงๆ
แบบว่าที่จริงแล้วพี่เค้าไม่ได้หน้าตาหล่อเลิศหรืออะไรเลยนะ
หน้าตาก็พอไปวัดไปวาได้ แต่นิสัยพี่เค้าดีมากเลยอ่ะ
เวลาอยู่ด้วยแล้วสบายใจมากๆเลย
ด้วยเหตุนี้เองทำให้พี่เค้าดูน่ารักมากขึ้น
แต่ว่าเราว่าเค้าคงต่างกับเราเกินไปอ่ะ
เราไปสืบประวัติพี่เค้ามาหมดแล้ว รู้แทบทุกเรื่องเลย
(แต่พี่เค้าไม่ค่อยจะรู้เรื่องเรานะ)
มีคนบอกมาง่าแฟนเก่าพี่เค้าสวยมากๆอ่ะ
แล้วพอเรายิ่งรู้เรื่องพี่เค้ามากขึ้น ก็ยิ่งทำให้เราไม่กล้าที่จะเอื้อมมือไปคว้าลงมา
ชอบมากอ่ะ แต่ก็กลัวมากเหมือนกัน
กลัวว่าเราจะไม่คู่ควรกับเค้า กลัวว่าเราจะเพ้อไปคนเดียว
จะทำอย่างไรกับใจและใครในเรื่องบังเอิญครั้งนี้?
ปล.ยังติดต่อกับพี่เค้าอยู่ค่ะ
แต่ไม่รู้ว่าพี่เค้าจะได้เข้ามาอ่านรึป่าว เพราะงานพี่เค้ายุ่งมากเลย
ถ้าพี่เค้าเข้ามาอ่าน แพทก็อยากบอกว่า ไม่ว่าจะยังไง เราจะยังเป็นเหมือนเดิมก็ได้นะคะ
อย่าบล็อกแพทนะ ขอร้อง
ปล.2 ถ้ามีความคืบหน้าจะมาอัพเดตนะคะ
ปล.3 รักมากมายค่ะ