สวัสดีครับสมาชิกทุกท่านครับ จริงๆแล้วผมเป็นชาวต่างชาตินะครับแต่ผมเรียนภาษาไทยมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่าสิบปีน่ะก็เลยพอจะเข้าใจภาษาไทยได้บ้างนะครับ และผมก็พึ่งจะเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ที่เว็บไชด์นี้นะครับ แต่อย่างไรก็ตามการดูแลน้องๆนักเรียนหรือนักศ็กษานั้นผมได้ดูแลมาก่อนหน้านี้หลายปีแล้วหล่ะครับจนทำให้น้องๆหลายๆคนเรียนจบมหาวิทยาลัยไปแล้วหลายคนนะครับ และการดูแลของผมนั้นไมจำเป็นเสมอไปว่าจะต้องมีเช็กช์กันนะครับ เพราะที่ผ่านมานั้นผมจะดูแลแบบเป็นเรื่องเป็นราวหมายถึงว่าจะต้องได้รับความเห็นชอบจากทางคุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองของน้องๆด้วยนะครับส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยมีปัญหาอะไรมากนะครับ
แต่จากการดูแลของผมนั้นผมก็พอมีประสบการณ์ที่พอจะแชร์ให้เพื่อนๆสมาชิกได้รับรู้บ้างไม่มากก็น้อยครับคือ..
1. หากเป็นเด็กนักเรียนมัธยม(อายุ 14-18 ปี ) ส่วนใหญ่น้องๆระดับนี้จะมีแฟนที่อยู่ในวัยเดียวกันอยู่แล้วล่ะครับและจะรักแฟนเค้ามากจนสามารถทำอะไรก็ได้เพื่อแฟนของน้องเค้านะครับไม่ว่าจะขายบริการหรือ บางคนไม่ได้ขายเองแต่หากแฟนถูกจับก็จะไปรับเอาเองว่าเป็นผู้ขายเองครับที่ผมเคยเจออายุ15ปีก็ทำอาชีพการขายฯมาแล้วอย่างโชกโชนครับ หากเป็นช่วงมัธยมปลายอายุ 16-18 ปีส่วนใหญ่ในกลุ่มนี้จะหาเงินไ่ปเลี้ยงผู้ชายไม่จำกัดว่าจะเป็นแฟนหรือเปล่านะครับ และส่วนใหญ่ก็จะแข่งขันกันว่าเพื่อนหญิงในกลุ่มเดียวกันนั้นใครสามารถหาเงินมาเลี้ยงผู้ชายได้มากกว่ากันประมาณนี่นะครับ
2. หากเป็นระดับ วิทยาลัย มหาวิทยาลัย หาก น้องที่เรียนเป็นวิทยาลัยอาชีวฯ หรืออื่นๆที่เกี่ยวข้องกันส่วนใหญ่นิสัยจะไม่ค่อยดีครับหมายถึงจะเกเรเป็นส่วนใหญ่ครับและจะไว้ใจไม่ได้เลยครับ และจะไม่ค่อยหวงตัวเลยครับเหมือนกับคำที่หลายท่านเคยได้ยินมาว่า "หากชอบใครแล้วให้ฟรีก็ยังได้". ประมาณนี้นะครับ
หากน้องๆเรียนอยู่เป็นม.ราชภัฏ อันนี้ต้องระมัดระวังและต้องเลือกดีๆครับแต่ก็มีคนที่ดีและตั้งใจเรียนก็มีอยู่บ้างครับ แต่น้องๆที่เรียนที่นี่ก็ดีอย่างคือหากทำงานขายฯก็บอกตรงๆว่าขายเลยครับและก็ดีอีกอย่างคือหาก "หมูไม่มาไก่ก็ไม่ไปครับ". อันนี้ตรงไปตรงมาดีครับ
หากน้องๆเรียนอยู่ ม.เอแบค, ม.ขอนแก่น, ม.กรุงเทพ,ม.รังสิต, ม.เอเชีย, หรือ ม.บูรพา อันนี้ไม่ค่อยมีปัญหาอะไรครับส่วนใหญ่ที่ผมเจอจะเป็นแฟนของน้องๆมากกว่าครับที่จะยอมรับไม่ค่อยได้แต่หากน้องๆที่ต้องการเรียนต่อให้จบจริงๆก็จะไม่ค่อยสนใจอะไรนะครับ
3.ข้อสังเกตุจากการที่ผมได้พูดคุยกับน้องๆและคนที่จัดเด็กๆด้วยนั้นส่วนใหญ่จะมีความคิดเห็นเหมือนๆกันคือหากเป็นเด็กที่อยู่ภายใต้การดูแลของคุณพ่อคุณแม่ไม่ว่าอยู่ในระดับไหนหรือฐานะความเป็นอยู่แบบไหนก็ตาม เมื่อถึงเวลาที่จะต้องจ่ายค่าเทอมส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดคุณพ่อคุณแม่ท่านเหล่านั้นจะจัดเตรียมเงินค่าเทอมให้ลูกๆของท่านไว้เรียบร้อยแล้วหล่ะครับถึงไม่มีในตอนนั้นท่านก็ขวนขวายไปหยิบยืมเงินมาไว้ก่อนแล้วหล่ะครับ
หากน้องๆบอกว่าเอาเงินไปจ่ายค่าเทอมนั้นส่วนใหญ่จึงไม่เป็นความจริงครับ หากเป็นจริงก็หมายถึงว่าได้เอาเงินค่าเทอมนั้นไปใช้อย่างอื่นแล้วล่ะครับ
4. ในตอนนี้ผมดูแลน้องๆนักเรียน อยู่หลายคนครับก็มีตั้งแต่มัธยมต้น มัธยมปลาย และมหาวิทยาลัยอีกหลายแห่งครับและผมก็ขอย้ำอีกครั้งว่าการดูแลของผมนั้นไม่จำเป็นต้องมีความสัมพันธ์อะไรกันเลยครับเพราะส่วนใหญ่จะให้ผ่านครูประจำชั้นบ้าง และโดยทำสัญญากับทางคุณพ่อคุณแม่และผู้ปกครองของน้องๆคือหมายถึงให้การช่วยเหลือโดยทางคุณพ่อคุณแม่รับทราบทั้งหมดนะครับ แต่ก็ไม่ได้หมายถึงว่าผมจะไม่เคยมีอะไรกับใครเลยนะครับเพราะอย่างไงผมเองก็ยังเป็นปุถุชนคนธรรมดาอยู่นะครับ
หมายเหตุ: 1. จากการแชร์ประสพการณ์ของผมในครั้งนี้นั้นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผมโดยตรงเท่านั้นนะครับ หากท่านสมาชิกอื่นๆมีความคิดเห็นเป็นอย่างหนึ่งอย่างใด. ผมก็น้อมรับฟังความคิดเห็นจากท่านสมาชิกต่างๆเหล่านั้นนะครับ
2. จากการที่ผมได้เอ๋ยอ้างชื่อของสถาบันต่างๆมาเป็นตัวอย่างนั้นผมไม่ได้มีเจตนาที่จะให้ทางสถาบันเหล่าเสื่อมเสียหรือเสียหายอะไรเลยนะครับ แต่ที่ผมเอ่ยอ้างถึงนั้นจะเป็นนักเรียนที่ได้มีการเรียนอยู่ในสถาบันการศ็กษานั้นๆนะครับและแน่นอนว่าทุกสถาบันการศึกษาย่อมมีนักเรียนที่มีปัญหาและเดือดร้อนกันทุกแห่งอยู่แล้วนะครับ
3. การที่สมาชิกท่านใดอยากจะรู้ว่าน้องๆ หรือพี่ๆท่านใดจริงใจหรือเป็นการหลอกลวงกันแล้วผมสามารถที่จะมาแชร์ข้อมูลได้อีกครั้งและมีความจริงที่สามารถนำไปใช้ได้จริงประมาณ 80-90%นะครับ
ท้ายนี้ผมก็ขอขอบคุณเป็นอย่างมากนะครับที่ท่านทนอ่านข้อความของผมจนจบนะครับ