WELOVEGIG
Welovegig | Website สำหรับคนอยากมีกิ๊ก => คุยเล่น ส่งการบ้าน ระบายความเศร้า => ข้อความที่เริ่มโดย: จ๋องกระปิ๋ม ที่ ตุลาคม 09, 2015, 04:17:35 PM
-
อันเนื่องมาจาก วันพรุ่งนี้ (เสาร์) จ๋องได้รับเกียรติอันยิ่งใหญ่จากแก๊งค์พี่ๆ
ให้ไปร่วมปาร์ตี้บุฟเฟต์เบียร์ (Close Party) ณ ร้าน E.A.T. เขาใหญ่
ด้วยความที่จ๋องเป็นสาวน้อยวัยใส ใจกุลสตรี **02**
พูดเรื่องเหล้ายาปลาปิ้ง นี่ไม่มี... **15**
ไม่มีพลาด แหะๆ **25**
เลยกระโดดร่วมแจมปาร์ตี้อย่างไม่คิดชีวิต **10**
เพราะนอกจากจะได้ดื่มด่ำกับ craft beer จากต่างประเทศกว่า 10 ชนิดแล้ว
ยังได้ทานอาหารอิตาเลียนบุฟเฟ่ต์ พร้อมดนตรีสดชิลๆ
ท่ามกลางบรรยากาศเย็นๆ ของเขาใหญ่ด้วย
**32**
ทั้งยังเป็นโอกาสพิเศษ ที่เหล่าบรรดาขุนพลสุราจะรวมตัวกันนับสิบคน
หลังจากที่ไม่ได้เจอพร้อมหน้ากันมาหลายปี
นั่นก็คือ บรรดาพี่ๆ ของจ๋องนั่นเอง
เพราะฉะนั้น เรื่องค่าบัตรไม่ต้องพูดถึง สปอนเซอร์แน่นเลย
ต่อมา ทราบว่าพี่ๆ ในเวปนี้หลายท่านเป็นคอเบียร์ขนานแท้
เกิดอาการดี๊ด๊าอย่างยิ่งที่ได้ทราบว่าจ๋องจะได้ไปดื่มเบียร์บุฟเฟต์ อยากจะตามไปขอชิมด้วย
แต่ทว่า... บัตรเต็มแล้วจ้า เพราะเป็นปาร์ตี้บุฟเฟต์ จึงต้องจำกัดคนนิดนึง
เห็นพี่ๆ เสียดายกันใหญ่ จ๋องผู้มีจิตใจอ่อนไหว เลยปิ๊งไอเดียขึ้นมาว่า ...
จะเปิดกระทู้รีวิวการชิมเบียร์นอกในครั้งนี้ เพื่อเป็นข้อมูลให้พี่ๆ น้องๆ ที่สนใจตามไปชิมกัน
คอเบียร์ทั้งหลาย มาปักหมุดกระทู้โดยพลันจ้า
41 41 41
*** กระทู้นี้ไม่มีหื่น แต่หื่นหลังจากกินเบียร์ **34**
-
เพื่อสร้างบรรยากาศร่วมกันในการดื่มด่ำกับความกึ่ม เมา เร้าใจของกระทู้จ๋อง
จ๋องจะขอเริ่มต้นที่การทำความรู้จักเบียร์กันก่อนดีกว่าดีกว่า
ถือเป็นการปูพื้นฐาน และสร้างคววามเข้าใจกับการชิมเบียร์ในครั้งนี้
จริงๆ แล้วโลกเรามีเบียร์อยู่ 2 ประเภท
คือ “Lager” และ “Ale”
ยุคเริ่มต้นของไทย ล้วนแล้วแต่มีแค่เบียร์ชนิด lager
ซึ่งก็ไม่แปลกเท่าไร เพราะลักษณะเด่นของเบียร์แบบ Lager คือ ใสและสดชื่นเหมาะกับเมืองร้อนอย่างไทย
หลังจากที่ Lager ทำตลาดในไทยได้พักใหญ่
โดยมี “เบียร์ขวดเขียว” พยายามวาง Position ว่าเป็นเบียร์ตลาดบน (ซึ่งตรงนี้ไม่จริง เป็นความรู้สึกของคนไทยว่าสีเขียวแพงกว่าเท่านั้น) กับเบียร์ขวดน้ำตาลในตลาด Mass
ก็ถึงยุคของ “Ale”
ซึ่งก็ต้องบอกว่า Ale มาในจังหวะที่ดี…
เพราะวาง Position ตัวเองเหนือกว่า “เบียร์ขวดเขียว” ขึ้นไปอีกขั้น ด้วยการกำหนดราคาแพงกว่าหลายเท่าตัว
เบียร์กลุ่มนี้ก็เช่น Hoegaarden ที่ส่วนใหญ่ค่อนข้างรู้จักกันดี
จุดเด่นของ Ale ก็ต่างจาก Lager โดยสิ้นเชิง คือ ค่อนข้างสีเข้มหรือขุ่น เนื้อแน่น ออกหวานมัน
เบียร์กลุ่มใหม่ในตลาดบนของไทยจึงให้สัมผัสที่ต่างจากยี่ห้ออื่นๆ ราวฟ้ากับดิน
เหตุผลที่รสของ Lager VS Ale ต่างกันมากก็เพราะวิธีการหมักไปจนถึงส่วนผสม
Lager เป็น “เบียร์ก้นถัง” ที่หมักในอุณหภูมิต่ำ
ตรงข้ามกับ Ale ที่เป็น “เบียร์ปากถัง” ในสภาพอุณหภูมิสูง ดังนั้นเบียร์แบบ Ale จึงไม่ดื่มแบบแช่เย็น
เอาล่ะ...
มีความรู้ประดับกายแล้ว
ต่อไปก็เข้าสู่กระบวนการรอกึ่ม
41 41 41
-
ปูเสื่ออ่านต่อค่ะ .... **36**
-
ดื่มเบียรฺดังของเบลเยี่ยมและเยอรมันมาหลายยี่ห้อกับเพื่อนๆคนเยอรมันเองเขาบอกว่าเบียร์ช้างอร่อยกว่าแต่คนไทยคนญี่ปุ่นบอกเบียร์สิงห์
เบียร์สิงห์ดีกรีอ่อนกว่าช้างคนไทยเลยว่านุ่ม
เยอรมันที่ดื่มเบียร์แทนน้ำบอกช้างอร่อยกว่าเบียร์เยอรมัน
แต่ถามไปถามมาดันมาเจอเพื่อนต่างชาติกลุ่มหนึ่งเขายืนยันหน้าดำหน้าแดงเอาเรื่องว่าต้องเบียร์ช้างอร่อยที่สุดในโลก
ตอนนี้หายสงสัย **30** พวกเขามันแฟนคลับกับจนท.สโมสรฟุตบอลเอเวอร์ตัน
สำหรับผมแล้วเบียร์อะไรก็ได้ขอแค่คนร่วมวงคอเดียวกันใจเดียวกันรับรองว่า เมาสนุก
เมาแล้ว สนุกแล้ว อย่าลืมเรื่องการขับรถด้วยละครับ
**08**
รออ่านเกร็ดความรู้เรื่องเบียร์ต่อ
ขอบคุณครับ
**06**
-
หลงเข้ามากระทู้อะไรเนี่ย....จูดื่มเบียร์ไม่เป็นหรอกค่ะ **09**
แต่ถ้าวอทก้าล่ะก็ไม่แน่ **34** พูดถึงเขาใหญ่จูกำลังวางแผน
หนีลุงไปดิ้นที่บิ๊กเม้าเทนอยู่พอดีเลยนะเนี่ย **10**
-
**32** อาบน้ำ ปะแป้ง ปูเสื่อ
รอผู้เชี่ยวชาญทั้งหลาย
-
คหสต นะครับ
ผมว่าเบียร์ของไทย น่ะ รสชาติการกินเป็นแบบ bitter(แบบหนึ่งของ Ale รสชาติขมๆ) มากกว่า
เพราะว่า lager สำหรับผมแล้วต้องสามารถดื่มได้โดยไม่รู้สึกขมและลื่นคอแม้ว่าจะไม่ได้แช่เย็นหรือเป็นเบียร์อุ่นๆตากแดดก็ตาม
แต่ bitter นั้น ไม่สามารถ ต้องดื่มเย็นๆเท่านั้น หรือดื่มในที่ๆอุณหภูมิเย็นหน่อยๆ ต่ำกว่า 25 องศา
-
ดื่มเบียรฺดังของเบลเยี่ยมและเยอรมันมาหลายยี่ห้อกับเพื่อนๆคนเยอรมันเองเขาบอกว่าเบียร์ช้างอร่อยกว่าแต่คนไทยคนญี่ปุ่นบอกเบียร์สิงห์
เบียร์สิงห์ดีกรีอ่อนกว่าช้างคนไทยเลยว่านุ่ม
เยอรมันที่ดื่มเบียร์แทนน้ำบอกช้างอร่อยกว่าเบียร์เยอรมัน
แต่ถามไปถามมาดันมาเจอเพื่อนต่างชาติกลุ่มหนึ่งเขายืนยันหน้าดำหน้าแดงเอาเรื่องว่าต้องเบียร์ช้างอร่อยที่สุดในโลก
ตอนนี้หายสงสัย **30** พวกเขามันแฟนคลับกับจนท.สโมสรฟุตบอลเอเวอร์ตัน
สำหรับผมแล้วเบียร์อะไรก็ได้ขอแค่คนร่วมวงคอเดียวกันใจเดียวกันรับรองว่า เมาสนุก
เมาแล้ว สนุกแล้ว อย่าลืมเรื่องการขับรถด้วยละครับ
**08**
รออ่านเกร็ดความรู้เรื่องเบียร์ต่อ
ขอบคุณครับ
**06**
มีฝรั่งเคยบอกจ๋องเหมือนกันค่ะ ว่าชอบช้างมาก เพราะมันเข้ม
เราก็ไม่เข้าใจว่าเข้มยังไง
จ๋องเลยเดาว่ารสชาติช้างคล้ายเบียร์ประเภท ale รึป่าว ฝรั่งเลยชอบ
และจริงดั่งพี่ว่าค่ะ
"ข้าพเจ้ามิได้ชอบร่ำสุรา แต่ข้าพเจ้าชอบบรรยากาศในการร่ำสุรา"
ขอแค่คนรู้ใจ และพร้อมหื่นใส่จ๋อง เบียร์อะไรก็อร่อยค่ะ
**39**
-
หลงเข้ามากระทู้อะไรเนี่ย....จูดื่มเบียร์ไม่เป็นหรอกค่ะ **09**
แต่ถ้าวอทก้าล่ะก็ไม่แน่ **34** พูดถึงเขาใหญ่จูกำลังวางแผน
หนีลุงไปดิ้นที่บิ๊กเม้าเทนอยู่พอดีเลยนะเนี่ย **10**
ว๊อดก้านี่ของถนัดจ๋องเลย
เหล้าขาว แกล้มมะขามเปียก
ซี้ดดดดดด **06**
ปล. บิ๊กเมาเทนปีนี้ จัดที่แก่งกระจานนะหนูจู
จ๋องจะไปเหมือนกัน **39**
-
คหสต นะครับ
ผมว่าเบียร์ของไทย น่ะ รสชาติการกินเป็นแบบ bitter(แบบหนึ่งของ Ale รสชาติขมๆ) มากกว่า
เพราะว่า lager สำหรับผมแล้วต้องสามารถดื่มได้โดยไม่รู้สึกขมและลื่นคอแม้ว่าจะไม่ได้แช่เย็นหรือเป็นเบียร์อุ่นๆตากแดดก็ตาม
แต่ bitter นั้น ไม่สามารถ ต้องดื่มเย็นๆเท่านั้น หรือดื่มในที่ๆอุณหภูมิเย็นหน่อยๆ ต่ำกว่า 25 องศา
แสดงว่า เราไม่ได้ผิดปกติใช่มั้ยคะ ที่กินเบียร์ใส่น้ำแข็ง
เพราะฝรั่ง (ที่ไม่คุ้นกับประเทศไทย) เห็นจ๋องดื่มใส่น้ำแข็งทีไร ดูประหลาดใจทุกที
**25**
ขอถามเป็นความรู้เผื่อพี่จะทราบนะคะ ว่าทำไมเบียร์ไทยรสชาติแบบขม
เพราะส่วนผสม หรือการบ่ม หรือเพราะฮอพรึป่าวคะ
**26**
-
สาวสวยทั้งสอง
คุณ uptown และคุณปป. อดทนปูเสื่อรอก่อนนะคะ
พรุ่งนี้จะมาต่อค่า 41
-
"..เท่าที่ทราบมาคือว่าส่วนผสมหลักๆของเบียร์คือ
ฮอป + นํ้า + ธัญญาพืช + ยีสต์ = เบียร์
ยีสต์กินแป้ง ได้นํ้าตาลกะแก็สออกมา
เจือจางอยู่ในนํ้า เบียร์จึงควรจะมีรสหวานและมีฟอง
แต่พอใส่ ฮอปลงไปเพื่อให้มีรสโทนออกขม
ซึ่งเป็นหัวใจหลักของรสชาติของเบียร์
เข้าใจว่าถ้าเบียร์มีรสหวาน จะดื่มได้ปริมาณน้อย
และเลี่ยน ไม่มีกลิ่นหอม แต่ถ้าเป็นรสออกขม ร่างกายเรา
จะรับได้ปริมาณมากกว่า
ฉะนั้นดื่มเบียร์ก็เหมือนดื่มนํ้าหวานที่มีแอลกอฮอล์และก็าซ
แต่ถูกหลอกด้วยรสขมของพืช ไม่ให้รู้สึกหวาน.."
*เครดิต ลอกเขามาคับ
รอคุณจ๋องรีวิวต่อนะคับ **36**
-
เกาะค่ะ รอรีวิว **34**
-
มาเกาะของชอบค่ะ ^^
-
อุ่นเครื่องด้วย craft beer จากเขาใหญ่
Ale 6.7%
ชื่อยี่ห้อ happy New beer
มีสองแบบ แบบสีเหลืองและสีดำ
ซึ่งบางขวดยังไม่ติดฉลากเลย
อภินันทนาการจากพี่ชาย 41
ปกติขวดละ 200 พี่ๆกินกันหมดไปแล้วสองลัง เหลือขวดสุดท้ายไว้ให้จ๋อง **07**
พูดถึงรสชาติ หวานแรกแตะลิ้น ขมตามมาติดๆ
แต่ละมุนมาก ความหวานติดลิ้นตลอดเลย
อย่าถามจ๋องว่าหาซื้อที่ไหน รู้แต่มาเขาใหญ่จะได้กิน
**25**
-
ลืมลงรูป **25**
-
ลืมลงรูป **25**
เป็นเบียร์คนไทยที่เจ๋งมากค่ะ
เคยลองตัว coffee stout
Black ipa และอีกตัวที่เป็นเบียร์สตอเบอรี่
ตัวสตอเบอนี่สาวๆน่าจะชอบ
ดื่มได้เพลินๆ จนลืมเมา
เบียร์แบรนด์นี้ดื่มได้เรื่อยๆ รู้สึกไม่แน่นท้อง
อาจเป็นเพราะแก๊สค่อนข้างเนียนและเบา
ถ้าลอง crafe beer อย่าลืมแบรนด์golden coins
กับ chit beer นะค่ะ เป็นแบรนด์รุ่นเก๋าของcrafeเลย
-
เรียบร้อยเลยค่ะ คุณโมนินพูดปุ๊บ ไปหยิบลองปั๊บเลย **10**
เพราะจริงๆบ้านพี่มียี่ห้อนี้อยู่ด้วยค่ะ
แต่เพราะคืนนี้ที่ร้านก็มียี่ห้อนี้ เพราะพี่ท่านเป็นคนนำเข้ามาส่งร้านเอง ก็เลยคิดว่าจะรอชิมตอนเย็น
พอคุณโมนินบอก กลัวจะพลาดของดี
รีบหยิบเปิดขวดซะเลย **25**
ดูภายนอกขวด สวยเก๋นะคะ ฉลากเป็นลายมือเขียน hand made มาก
ดูในขวด มีตะกอนเล็กน้อย แต่ไม่ต้องกลัวค่ะ เป็นปกติของเบียร์ประเภทนี้
เปิดฝาขวดปุ๊บ กลิ่นมอลล์มาเลยค่ะ นวลๆ เปรี้ยวๆนิดๆ
พอจิบไปอึกแรก รสชาติขมมาก่อนเลย ตามมาด้วยรสเปรี้ยวผลไม้หน่อยๆ
มีแอลกอฮอล์ 8.2% ค่ะ กินเพลิน กึ่มไม่รู้ตัวได้เหมือนกัน
ณ ตอนนี้ อุ่นเครื่องเบาๆไปสี่ขวดแล้วค่ะ **25**
ชอบอาการตัวเองตอนนี้มาก
เคลิ้มๆ กึ่มๆ พริ้วๆ **32**
-
มาแล้วววว
รีวิวกันสดๆ ขณะที่ร้านกันเลยค่ะ
เริ่มต้นชนิดแรก sandport wheat boom
แรกเห็น ฟองน้อย กินจริง แทบไม่มีแก๊สเลยค่ะ
รสชาติแตะลิ้น ไม่ขมเลย ขมแค่ติดปลายลิ้น
หวานละมุน กินจนหมดอึก ได้รสชาติกลิ่นฟางข้าวจางๆ
แอลกอฮอล์ 5% ค่ะ บางๆ กินเรื่อยๆ
แต่จ๋องไม่ชอบกลิ่นฟางข้าวเท่าไ่ร รู้สึกแปลกๆ
แต่กินได้หมด ขอแค่เมา **30**
-
ต่อมาเลย ด้วยความรวดเร็ว แก้วแรกหมด ต่อแก้วสอง
ayinger แอลกอฮอล์ 5.5%
หวานเลย แตะลิ้นอันดับแรก
อันดับสองสามสี่ ก็ยังหวาน
ฟองแน่น แก๊สแน่น
แต่รสชาติหวานติดปาก ขมแทบจะไม่รู้สึก
อร่อยเลยค่ะ **39**
เริ่มกึ่มละ **25**
-
ดื่มแบ้วมีความสุขก้อดีแต่ระมัดระวังเรื่อง
อ้วน
แค่จิบลิ้มรสทุกชนิดเพียงแก้วละนิดก้อน่าจะพอนี่จะดื่มแบบหมดร้านน่าห่วงจัง **11**
ห่วงร้านเขาเจ๊งนะ **34**
ตอนนี้กำลังเดินทางเลยยังไม่สะดวกพอที่จะมาแชร์วิธีคำนวนแคลอรี่ของเบียร์ แบบนิดนึง แอลกอฮอล1กรัม เท่ากับ 8ถึง10แคลอรี่ 555 แล้วจะมาแชร์ความรุ้เรื่องนน.vs แคลอรี่
**08**
สาวๆทั้งหลายก้ออย่าเพลิดเพลินกับการดื่มแล้วพรุ่งนี้และวันต่อๆมาในแต่ละวันต้องมาอดเพื่อลดนน.ดูมันขัดแย้งจัง
ด้วยความปรารถนาดีจ้า
**21**
-
แก้วที่สามค่ะ
Wycwood hobglobin
สติเริ่มไม่ค่อยดี ดูรูปเอาค่ะ
หอมมาก อันดับแรก
สีดำค่ะ สวยงาม
รสชาติละมุนลิ้น กลิ่นดี หวานไม่มีขมเลย
แต่ฟองแก๊สเยอะนิดนึง แต่ก็เพลินดี
**39**
สรุปว่าอร่อย ดื่มดีค่ะ แนะนำเลย
อร่อย
41
-
จ่อเรียก24 ‘ดาราโพสต์เบียร์’สอบ เตือน ปชช.โพสต์โชว์ฉลากผิดด้วย
http://news.mthai.com/hot-news/general-news/464948.html
-
แหม่... พี่เข้มาขู่แบบนี้
จ๋องจบกระทู้ดีก่า
เมาแล้วด้วย **25**
-
น้องจ๋องมารีวิวเบียร์. จะเชื่อดีไม๊เนี่ย! แต่อ่านๆไปอ๊ะ ลอกมาดี. เอ้ยเขียนมาดี. ใช้ได้ๆ. สาระทั้งนั้น.
เบียร์มีรสชาดขม. ภาษิตว่าไว้. ขม เป็นยา. ดังนั้นเบียร์จึงจัดเป็น เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ. ดื่มมากๆสุขภาพแข็งแรง
ผมเองเคยเลิกดื่มเบียร์ไปเกือบ20ปี. เพราะอีโก้สูง. ด้วยเหตุ เกลียดลานเบียร์ที่ขายเบียร์แพงแต่ใช้ภาชนะถูกๆมาบริการ.ช้อนซ่อมพาสจิกงอไปงอมาตักอะไรก็ไม่ได้ เลยเลิกกินไป
จนระยะหลังๆไป ตปท บ่อยๆหาเหล้ากินลำบาก. ขายเป็นช๊อต เป็นแก้ว. จะซื้อทั้งขวดฝรั่งก็ก็ตกใจว่าไอ้นี่อยากเมามาจากไหน เลยต้องพึ่งพาเบียร์อีกครั้ง รวมทั้งดื่มเพื่อเป็นยาระบาย. เพราะเวลาไป ตปท เวลาจำกัด เช้าลืมตามาต้องเข้าส้วมได้ทันทีไม่ต้องวอร์ม. ไม่งั้นอึนทั้งวัน. เห็นมะ. ขมเป็นยา
ระยะหลังมีน้องๆ. ชอบชวนไปชิมเบียร์ ยี่ห้อดัง รสผลไม้. ยอมรับเลยว่า. แพง. แต่อร่อย. ดื่มง่ายจ่ายคล่อง. ร้านเอามาขายในราคาx2 หนุ่มๆก็ก้มหน้าจ่ายกันไป ผมเลยยกลังมาไว้บ้านเลย ลังละ5500มั้ง จำไม่ได้ ตกขวดละ 110-120 บาทเอง ภายหลังทำสเต๊ก พวก เนื้อสันพันเบคอนราดซอสเห็ด หรือพวกฟิลเลมิยองส์ พบว่าทำให้เนื้อหอมหวานดี.
สรุป. ยาดี ช๊าดดดๆ
-
มาแชร์เกร็ดความรู้ตามที่บอกไว้ก่อนหน้านี้
อาจไม่ตรงกับกระทู้แต่เห็นว่าหลายๆคนกังวลเรื่องการลดน้ำหนักเลยอยากมาแชร์
ผมเองจากน้ำหนัก76หลังจากใช้เวลา11เดือนตอนนี้อยู่ที่64 โดยช่วงแรกยอมรับว่าต้องมีวินัยและชนะใจตนเอง
หลังจากเดือนก.พ.ก็สบายๆกับการบริโภคโดยน้ำหนักแทบไม่ขึ้น
พอเห็นกระทู้นี้จึงอยากมาแชร์จะได้รู้วิธีดื่มเบียร์อย่างสมดุล
**21**
ก่อนอื่นขอแก้ข้อมูลผิดในโพสต์ก่อนหน้านี้ที่ระบุว่า แอลกอฮอล 1 กรัม ให้พลังงาน8-10 แคลอรี่ แท้จริงต้อง 8-10 กิโลแคลอรี่
ขอใช้ kcal แทนคำว่า กิโลแคลอรี่ และ กก.แทนกิโลกรัม
**26**
พบบ่อยว่าสาวๆกังวลเรื่องนน.ตัวเองแล้วหันไปลดปริมาณอาหารแม้ว่าจะถูกแต่มันก็ไม่น่าจะสมบูรณ์อาจไม่เกิดผลดังนั้นเลยอยากเอาความรู้พื้นฐานมาแชร์ดังนี้
1.เราควรทราบว่า ร่างกายเราต้องการพลังงานอย่างน้อย(ฺBMR)มีสูตรคำนวนนะแต่เฉลี่ยง่ายๆดีกว่าคือ 1500-2000 kcalต่อวัน
2.ทานอาหาร3มื้อ เฉลี่ยมื้อละ 600 kcal
3.ถ้าต้องการลดเราต้องกำหนดเป้าหมายของค่าkcalต่อมื้อ
4.การกำหนดเป้าหมายควรต้องทราบ
4.1.จะทำกี่วันอย่างต่อเนื่อง
4.2.จะลดกี่กก.
4.3.และต้องทราบว่า นน.1กก. จะเทียบเท่า 7700 kcal
ตย. ถ้าอยากลด 2 กก. นั่นคือ เราต้องลด 15,400 kcal และ ถ้าต้องการลด500 kcalต่อวัน นั่นคือ
เราต้องใช้เวลาทั้งสิ้น 15400 หารด้วย 500 = 31วัน
4.4.ต้องรู้ว่าอาหารก่อนที่เราจะบริโภคนั้น มีกี่ kcal พูดง่ายๆวางแผนการทานไว้ล่วงหน้านิดนุงเช่นมื้อเที่ยงนี้อยากทาน
อะไรก็มาแจกแจงแล้วคำนวนล่วงหน้าทั้งชนิดและปริมาณ ทำแบบไม่ต้องตึงก็ได้เพราะเดี๋ยวจะไม่มีความสุขในการรับ
ประทานอาหาร
หมายเหตุ
แคลอรี่ในอาหารแต่ละอย่างมีอยู่ในเกิล
-
มาแชร์เกร็ดความรู้ตามที่บอกไว้ก่อนหน้านี้
อาจไม่ตรงกับกระทู้แต่เห็นว่าหลายๆคนกังวลเรื่องการลดน้ำหนักเลยอยากมาแชร์
ผมเองจากน้ำหนัก76หลังจากใช้เวลา11เดือนตอนนี้อยู่ที่64 โดยช่วงแรกยอมรับว่าต้องมีวินัยและชนะใจตนเอง
หลังจากเดือนก.พ.ก็สบายๆกับการบริโภคโดยน้ำหนักแทบไม่ขึ้น
พอเห็นกระทู้นี้จึงอยากมาแชร์จะได้รู้วิธีดื่มเบียร์อย่างสมดุล
**21**
ก่อนอื่นขอแก้ข้อมูลผิดในโพสต์ก่อนหน้านี้ที่ระบุว่า แอลกอฮอล 1 กรัม ให้พลังงาน8-10 แคลอรี่ แท้จริงต้อง 8-10 กิโลแคลอรี่
ขอใช้ kcal แทนคำว่า กิโลแคลอรี่ และ กก.แทนกิโลกรัม
**26**
พบบ่อยว่าสาวๆกังวลเรื่องนน.ตัวเองแล้วหันไปลดปริมาณอาหารแม้ว่าจะถูกแต่มันก็ไม่น่าจะสมบูรณ์อาจไม่เกิดผลดังนั้นเลยอยากเอาความรู้พื้นฐานมาแชร์ดังนี้
1.เราควรทราบว่า ร่างกายเราต้องการพลังงานอย่างน้อย(ฺBMR)มีสูตรคำนวนนะแต่เฉลี่ยง่ายๆดีกว่าคือ 1500-2000 kcalต่อวัน
2.ทานอาหาร3มื้อ เฉลี่ยมื้อละ 600 kcal
3.ถ้าต้องการลดเราต้องกำหนดเป้าหมายของค่าkcalต่อมื้อ
4.การกำหนดเป้าหมายควรต้องทราบ
4.1.จะทำกี่วันอย่างต่อเนื่อง
4.2.จะลดกี่กก.
4.3.และต้องทราบว่า นน.1กก. จะเทียบเท่า 7700 kcal
ตย. ถ้าอยากลด 2 กก. นั่นคือ เราต้องลด 15,400 kcal และ ถ้าต้องการลด500 kcalต่อวัน นั่นคือ
เราต้องใช้เวลาทั้งสิ้น 15400 หารด้วย 500 = 31วัน
4.4.ต้องรู้ว่าอาหารก่อนที่เราจะบริโภคนั้น มีกี่ kcal พูดง่ายๆวางแผนการทานไว้ล่วงหน้านิดนุงเช่นมื้อเที่ยงนี้อยากทาน
อะไรก็มาแจกแจงแล้วคำนวนล่วงหน้าทั้งชนิดและปริมาณ ทำแบบไม่ต้องตึงก็ได้เพราะเดี๋ยวจะไม่มีความสุขในการรับ
ประทานอาหาร
หมายเหตุ
แคลอรี่ในอาหารแต่ละอย่างมีอยู่ในเกิล มีปัญหาในการโพสต์และพิมพ์ข้อความเลยหายไป
ส่วนนี้ที่ขาดหาย
แคลอรี่ในอาหารแต่ละอย่างมีอยู่ในgoogle เดี๋ยวจะหาลิงค์มาให้ครับ และเนื่องจากมีปัญหาไม่สะดวกพิมพ์เดี่ยวจะหาเวลามาเขียนต่อจนจบประเด็น ในเรื่อง แอลกอฮอล vs kcal จะได้เข้าใจวิธีการดื่มแอลกอฮอลทั้งหลายรวมถึงต้องตระหนักถึงkcalจากmixer & กับแกล้ม โดยเฉพาะ เบียร์เยอรมันกับขาหมูเยอรมัน
**12**
-
มาแชร์เกร็ดความรู้ตามที่บอกไว้ก่อนหน้านี้
อาจไม่ตรงกับกระทู้แต่เห็นว่าหลายๆคนกังวลเรื่องการลดน้ำหนักเลยอยากมาแชร์
ผมเองจากน้ำหนัก76หลังจากใช้เวลา11เดือนตอนนี้อยู่ที่64 โดยช่วงแรกยอมรับว่าต้องมีวินัยและชนะใจตนเอง
หลังจากเดือนก.พ.ก็สบายๆกับการบริโภคโดยน้ำหนักแทบไม่ขึ้น
พอเห็นกระทู้นี้จึงอยากมาแชร์จะได้รู้วิธีดื่มเบียร์อย่างสมดุล
**21**
ก่อนอื่นขอแก้ข้อมูลผิดในโพสต์ก่อนหน้านี้ที่ระบุว่า แอลกอฮอล 1 กรัม ให้พลังงาน8-10 แคลอรี่ แท้จริงต้อง 8-10 กิโลแคลอรี่
ขอใช้ kcal แทนคำว่า กิโลแคลอรี่ และ กก.แทนกิโลกรัม
**26**
พบบ่อยว่าสาวๆกังวลเรื่องนน.ตัวเองแล้วหันไปลดปริมาณอาหารแม้ว่าจะถูกแต่มันก็ไม่น่าจะสมบูรณ์อาจไม่เกิดผลดังนั้นเลยอยากเอาความรู้พื้นฐานมาแชร์ดังนี้
1.เราควรทราบว่า ร่างกายเราต้องการพลังงานอย่างน้อย(ฺBMR)มีสูตรคำนวนนะแต่เฉลี่ยง่ายๆดีกว่าคือ 1500-2000 kcalต่อวัน
2.ทานอาหาร3มื้อ เฉลี่ยมื้อละ 600 kcal
3.ถ้าต้องการลดเราต้องกำหนดเป้าหมายของค่าkcalต่อมื้อ
4.การกำหนดเป้าหมายควรต้องทราบ
4.1.จะทำกี่วันอย่างต่อเนื่อง
4.2.จะลดกี่กก.
4.3.และต้องทราบว่า นน.1กก. จะเทียบเท่า 7700 kcal
ตย. ถ้าอยากลด 2 กก. นั่นคือ เราต้องลด 15,400 kcal และ ถ้าต้องการลด500 kcalต่อวัน นั่นคือ
เราต้องใช้เวลาทั้งสิ้น 15400 หารด้วย 500 = 31วัน
4.4.ต้องรู้ว่าอาหารก่อนที่เราจะบริโภคนั้น มีกี่ kcal พูดง่ายๆวางแผนการทานไว้ล่วงหน้านิดนุงเช่นมื้อเที่ยงนี้อยากทาน
อะไรก็มาแจกแจงแล้วคำนวนล่วงหน้าทั้งชนิดและปริมาณ ทำแบบไม่ต้องตึงก็ได้เพราะเดี๋ยวจะไม่มีความสุขในการรับ
ประทานอาหาร
หมายเหตุ
แคลอรี่ในอาหารแต่ละอย่างมีอยู่ในเกิล
ใช้พลังงานทั้งวันทั้งคืนแบบคุณจ๋องทงดื่มเบียร์ วันละหกขวดก้อไม่อ้วนหลอกมั้งค่ะ ท่านlet
**30** **30**
ปล. เพราะคุณจ๋องเทอวิ่งทั้งวันทั้งคืนค่ะ **11** **11**
-
มารู้จักkcalในแอลกอฮอลโดยเฉพาะเบียร์กัน
1.เราต้องทราบค่าว่า แอลกอฮอลเนี่ยอะตัวให้พลังงานเลย โดยประมาณ แอลกอฮอล 1 กรัม เทียบเท่า 8 kcal
2.ถ้าคิดความหนาแน่นทางทฤษฎีของเบียร์ก็จะเท่ากับ 1.0063 กรัมต่อ1ซีซี เอาเป็นว่า ขอใช้เท่ากับค่าของน้ำ คือ 1กรัมต่อ1ซีซี เช่น ถ้าดื่มเบียร์330ซีซี (1กระป๋อง) ก็เท่ากับดื่มเบียร์330กรัม เพื่อจะได้นำค่านี้ไปคำนวนหาแอลกอฮอลที่ละลายปนอยู่ตาม%ดีกรีของเบียร์
3.วิธีคำนวนค่าkcalของเบียร์คือ นำ%ดีกรีในเบียร์หารด้วย100 คูณด้วยปริมาณที่ดื่มเข้าไป คูณอีกด้วยค่า 8kcalต่อ1กรัมของแอลกอฮอลที่ปนอยู่ในเบียร
ตย.การคำนวน สมมุติดื่มเบียร์1ขวดตามที่จขกท.เล่าบรรยายแล้วเบียร์ดังกล่าวมีดีกรี8%จะได้ว่า
เบียร์ 1ขวด หรือ 1ไพนท์(pint) เท่ากับ 500ซีซี
ค่าkcal = (8ดีกรีหารด้วย100) x 500 ซีซี x 8 kcalต่อ1กรัมของแอลกอฮอล = 320 kcal
320 kcal ก็เทียบเท่าข้าวแกงหรือก๋วยเตี๋ยว 1 ชาม
ส่วนจะเท่ากับอาหารอะไรบ้าง ดูลิงค์ในข้อต่อไปนี้ครับ
4.kcalในอาหารแต่ละประเภท (เครดิต จากเว็บพันทิป): สามารถเสิร์จหาจากgoogleได้โดยคีย์ "แคลอรี่ อาหาร"
http://pantip.com/topic/30434362
5.ในข้อนี้ จะบอกถึงปริมาณเบียร์ที่เราดื่มต่อปริมาณ1หน่วย ทุกๆ1%ของดีกรีในเบียร์ เช่น ดีกรี4.5%ก้อเอา 4.5ไปคูณค่าที่ได้แล้วไปเทียบค่าkcalในลิงค์ของข้อ4 (อันนี้ไม่รวมkcal จากมิกซ์หรือกับแกล้ม)
เบียร์ 1 หลอด (ทาวเวอร์) 3000 ซีซี ทุกๆ ดีกรี 1% จะเทียบเท่า 240 kcal
เบียร์ 1 แก้ว หรือ ไพน์ 500 ซีซี ทุกๆ ดีกรี 1% จะเทียบเท่า 40 kcal
เบียร์ 1 ขวด 630 ซีซี ทุกๆ ดีกรี 1% จะเทียบเท่า 50 kcal
เบียร์ 1 เหยือก 1000 ซีซี ทุกๆ ดีกรี 1% จะเทียบเท่า 80 kcal
เบียร์ 1 กระป๋อง 330 ซีซี ทุกๆ ดีกรี 1% จะเทียบเท่า 25 kcal
สรุปว่าควรรู้จักมันและใช้มันให้เกิดบรรยากาศที่มีความสุขทั้งต่อสังคมและตัวเรา
ขออภัยถ้าคห.ที่มาแชร์นี้มาขัดกับอารมณ์ของทุกๆท่าน
จบจ้า
**35**
-
เก็บตกบรรยากาศที่งานเมื่อคืนค่ะ **25**
ถ่ายในสภาพที่นักรบทุกคนยังสติดี
-
แถมภาพบรรยากาศเช้านี้ที่เขาใหญ่ค่ะ
ถ่ายบนดาดฟ้าบ้าน
อากาศดี ไม่มีแดดเลย **39**
-
เสียดายจัง!ที่ไม่ไป อยากไปอยู่
อิอิ......ไม่เคยเที่ยวไหนด้วยสิ
-
ไม่ค่อยถนัดเรื่องเบียร์ค่ะ ถ้าอื่มจะเลือกนุ่มๆ หน่อย แบบ ช้าง export
ถ้าเบียร์สด ตอนนี้ชอบแก้วทรงสูงด้านหลังค่ะ แก้วหน้าขมไปนิด **30**
(http://www.uppic.org/image-9095_561A3049.jpg)
-
จริงหรอคับ Nannie© Hoe ขมกว่า Stella หรอคับ
ไม่ค่อยได้ลอง Stella เท่าไหร่ สงสัยต้องไปลองซะแระ อิอิ..
แอบเดาว่าสาวๆน่าจะชอบ Hoe กับ โรเซ่ กันนะคับ
โดยเฉพาะเจ้า โรเซ่ นี่.. เขาขึ้นชื่อเรื่อง ความหอม ความหวาน เลยคับ
(http://f.ptcdn.info/955/008/000/1377614457-IMG5615JPG-o.jpg)
ส่วนตัวผม ตอนนี้เสพติดเจ้านี่คับ..
(https://thepatandsaganshow.files.wordpress.com/2012/07/leffe-brun.jpg)
-
โรเซ่ ยังไม่ได้ลองค่ะ วันนั้นไปแบบเบาๆ เพราะเช้ามีงาน
ถ้าว่างคงได้ลองจัดโรเซ่สักที ได้ยินคำร่ำลือมานาน 41
อันนั้นความรู้สึกส่วนตัวนะคะ รู้สึกว่า Stella ดื่มง่ายกว่า
-
ต้องใส่มะนาว หยด ต๋อม ลงไป อิอิ
(http://img.ihere.org/uploads/1e78359166.jpg)
โฮลฯ อ่อน นุ่ม หวาน ตามสไตล์
ส่วนโรse' ก็ ออกแนวสไตล์หวานๆ เหมือนน้ำผลไม้ (รูปนี้มิเกี่ยว กิกิ)
(http://img.ihere.org/uploads/a18013fe21.jpg)
อาทัวร์ส ก็ซอฟต์ หวาน บาด อิอิ
(http://img.ihere.org/uploads/b64a679b79.jpg)
ระหว่างอาทัวร์ส กับ โฮล .. โฮล หนุ่มกว่านีสนุง (คหสต.)นะคะ ^^
ความเท่ห์อยู่ตรงที่แก้วทรงนาฬิกาทราย
(http://img.ihere.org/uploads/def64f8275.jpg)
เบียร์ดำ เข้ม แต่ไม่หนักเกิน ส่วนตัวแล้วชอบอันนี้ อิอิ
(http://img.ihere.org/uploads/141af26568.jpg)
**36**
**38**