WELOVEGIG
Welovegig | Website สำหรับคนอยากมีกิ๊ก => คุยเล่น ส่งการบ้าน ระบายความเศร้า => ข้อความที่เริ่มโดย: Citra ที่ ธันวาคม 18, 2016, 02:17:44 AM
-
ผู้หญิงสมัย50ปีก่อนจะต้องจบด้วยการแต่งงานมีลูก เป็นแม่เรือนถึงจะสมบูรณ์ แต่สมัยนี้ ความคิดของหญิงๆหลายคนเปลี่ยนไป จคกทคนนึงที่คิดจะไม่มีสามีแต่งงานมีลูกเช่นกัน หากเรานั้นสามารถอยู่ด้วยด้วยตัวเอง คืออาจจะคุยบ้างถ้ามีคนเข้ามาคุยเป็นเพื่อนไปเที่ยวทะเล เป็นเพื่อนที่ปรึกษาปรับทุกข์สุขแต่ จะให้แต่งงานมีลูกคงไม่ (ตาก่อนเคยคิดอยากแต่งงานอยากรีบมีแฟนค่ะ) เดี่ยวนี้อยู่คนเดียวนานจนเริ่มจะชินแบ้วค้นพบว่าก็มีความสุขดีนะแต่ต้องมีเพื่อนนะ ชายหญิง ตุ้ดเกย์ก็ได้เพราะมันไม่ใช่ทั้งหมดขอความสุขซึ่งไม่ได้ถาวร..
-
สีชมพูมองไม่เห็นและยังปวดตา ลงใหม่นะคะ. ผู้หญิงสมัย50ปีก่อนจะต้องจบด้วยการแต่งงานมีลูก เป็นแม่เรือนถึงจะสมบูรณ์ แต่สมัยนี้ ความคิดของหญิงๆหลายคนเปลี่ยนไป จคกทคนนึงที่คิดจะไม่มีสามีแต่งงานมีลูกเช่นกัน หากเรานั้นสามารถอยู่ด้วยด้วยตัวเอง คืออาจจะคุยบ้างถ้ามีคนเข้ามาคุยเป็นเพื่อนไปเที่ยวทะเล เป็นเพื่อนที่ปรึกษาปรับทุกข์สุขแต่ จะให้แต่งงานมีลูกคงไม่ (ตาก่อนเคยคิดอยากแต่งงานอยากรีบมีแฟนค่ะ) เดี่ยวนี้อยู่คนเดียวนานจนเริ่มจะชินแบ้วค้นพบว่าก็มีความสุขดีนะแต่ต้องมีเพื่อนนะ ชายหญิง ตุ้ดเกย์ก็ได้เพราะมันไม่ใช่ทั้งหมดขอความสุขซึ่งไม่ได้ถาวร.. ชีวิตเป็นสิ่ง
-
ครั้งหนึ่ง ผมเคยคิดว่า การมีครอบครัว มีภรรยาที่น่ารัก มีลูกน้อยๆซัก 2 คน น่าจะเติมเต็มชีวิตของผม แล้วผมก็ได้แต่งงานจริงๆ แต่แล้วมันก็พังลงอย่างราบคาบเพราะความมักมากในกาม, ความไม่รู้จักพอของผู้หญิงที่ผมเลือกมาให้เป็นอีกครึ่งนึงของผม จากวันนั้นถึงวันนี้ 10 กว่าปีแล้ว ผมก็ไม่เคยโหยหาชีวิตครองครัวอีก แม้ว่าผมจะยังอยากมี ภรรยาที่น่ารัก อยากมีลูกน้อย แต่ผมไม่โหยหามันอีก การอยู่คนเดียวมาตลอด 10 กว่าปี ทำให้ผม คุ้นชินกับการไปไหนมาไหนคนเดียว ผมได้ไปเที่ยวในที่ที่อยากไป โดยไม่ต้องกังวลว่า ลูกเมีย จะเที่ยวแบบผมได้มั้ย ผมสามารถออกไปถ่ายรูป, ออกไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูง โดยไม่ต้องห่วงว่า ลูกเมีย จะรอผมกลับบ้านหรือเปล่า ผมว่าผมก็มีความสุขดี แม้ว่าจะมีบ้างที่เหงา แต่ก็ทดแทนได้ด้วยการออกไปเห็นโลกกว้าง การออกไปหาของอร่อยๆกิน และผมก็คงจะไม่คิดถึงการแต่งงานใหม่อีกแล้ว ^^
-
คนสมัยก่อนพอเติบใหญ่พอผู้ใหญ่ก็จัดการหาคู่ครองให้ตามธรรมชาติ อันนี้ถูกต้องนะครับคนสมัยก่อนอยู่ภายใต้การดูแลของผู้ใหญ่จะทำอะไรตามใจชอบตามใจตัวเองคงยาก มาถึงปัจจุบันยุคที่ประชากรมากแก่งแย่งแข่งขันกันผู้ใหญ่ก็ต้องช่วยกันทำมาหากิน เพราะโลกเปลี่ยนไปความสะดวกสบายเข้ามาแทนที่ ความคิดคนก็เปลี่ยนตามไปด้วย พึ่งตนเองได้ ทำอะไรได้หลายๆอย่างเองได้ อยู่คนเดียวได้ไม่มีคู่ก็ได้ไม่เห็นจะแคร์เลย ไม่ว่าคนแต่ละคนจะเจอความผิดพลาดมาอย่างไรเจ็บปวดแค่ไหน เราก็ยังเป็นสิ่งมีชีวิตตามธรรมชาติอยู่ดี มีเพื่อนก็พอแล้วแต่วันนึงเพื่อนเหล่านั้นก็หนีคุณไปมีคู่ ใช่ตอนนี้ยังแต่เวลาผ่านไปหละคนที่มีครอบครัวแล้วความเป็นเพื่อนก็จะห่างเพิ่มขึ้นเรื่อยๆส่วนเพื่อนที่มีความคิดเดียวกันก็ยังอาจอยู่แล้วจะแน่ใจได้ไงว่าเขาจะแข็งแรงพร้อมอยู่เป็นเพื่อนไปตลอด ในที่สุดสิ่ง น่ากลัวที่สุดก็มาเยือน ความเหงาไงหละ ชีวิตยังต้องเดินทางไปอีกยาวๆถึงวัยชราแล้วจะอยู่ยังไงกับความอ้างว้างโดษเดี่ยว ในขณะที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาวเรายังมีต้นทุน เรายังมีโอกาสแต่จะปล่อยโอกาสผ่านไปให้หมดตามกาลเวลาทำไมในโลกแห่งความคิด เราคิดได้ แต่ในโลกแห่งความจริงเราทำไม่ได้ เราได้แต่คิดแต่เราลืมความเป็นจริงของสิ่งมีชีวิตไม่ได้ ในโลกของสิ่งมีชีวิต รางวัลจากพระเจ้าคือ ลูก สิ่งมีชีวิตที่มีสายใยใกล้กันที่สุดไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรในชีวิตเขาเป็นสิ่งเดียวที่อยู่ใกล้เรามากกว่า อย่าเสียใจเลยถ้าเราต้องเจอกับสามีที่ไม่ดี ภรรยาที่ไม่ดีหรือไม่ถูกใจ โลกนี้ไม่มีแพคเกตสมบูรณ์แบบหรอก ลองพิสูจน์ด้วยตัวเอง ถ้าอยู่แต่ในบ้านไม่ยุ่งเกี่ยวกับใครได้ไม่คบหาสมาคมกับใครได้ นั่นก็แสดงว่าคุณจบหลักสูตรปลีกวิเวกแล้ว การไม่มีคู่ก็ไม่จำเป็น ชีวิตคนเราก็เหมือนกับจ่ายค่ามือถือนะ จะเติมเงินหรือรายเดือน เติมเงินก็จ่ายก่อนแล้วค่อยใช้ ส่วนรายเดือนก็ใช้ก่อนแล้วค่อยจ่าย เท่านั้นเอง.
-
ก่อนแต่งงานผมก็คิดประมาณนี้หละ อิสระมาก
พอเจอแม่เสือก็ไปไหนไม่รอด
แต่ก็ยังเสเพลอยู่นะ เพียงแต่เชื่อกที่ล่ามไว้มันทำให้ไปไม่ได้ไกล
**25**
-
ไม่คิดแต่งคิดคล้ายน้องจขกท.คือหาเพื่อนคุยแก้เหงา
ส่วนใหญ่นัดเจอน้องๆตอนมื้อค่ำ สัปดาห์ละ 2 หรือ 3 ครั้ง เท่านั้น
ใช้ชีวิตแบบนี้มาร่วม5ปีแล้ว มีความสุขในระดับหนึ่ง
ถ้าไม่พร้อมที่จะรับผิดชอบชีวิตใครอย่างจริงจังละก็ อยู่คนเดียวนี่แหละสุขกว่าครับ
-
ลุงชาร์ลก็ไม่ได้ตั้งใจโสดหรอก แต่ไม่มีใครเอาลุงแ่กๆ **30** เลยได้แต่นั่งแหย่หลานๆในเว็บเล่น
บางทีถ้ายังไม่เจอคนที่ใช่จริงๆ ที่เป็นเพื่อนยากในยามทุกข์ และหัวเราะกับเราตอนมีความสุข แล้วสบายใจก็อย่าเพิ่งรีบนะครับ
-
ครั้งหนึ่ง ผมเคยคิดว่า การมีครอบครัว มีภรรยาที่น่ารัก มีลูกน้อยๆซัก 2 คน น่าจะเติมเต็มชีวิตของผม แล้วผมก็ได้แต่งงานจริงๆ แต่แล้วมันก็พังลงอย่างราบคาบเพราะความมักมากในกาม, ความไม่รู้จักพอของผู้หญิงที่ผมเลือกมาให้เป็นอีกครึ่งนึงของผม จากวันนั้นถึงวันนี้ 10 กว่าปีแล้ว ผมก็ไม่เคยโหยหาชีวิตครองครัวอีก แม้ว่าผมจะยังอยากมี ภรรยาที่น่ารัก อยากมีลูกน้อย แต่ผมไม่โหยหามันอีก การอยู่คนเดียวมาตลอด 10 กว่าปี ทำให้ผม คุ้นชินกับการไปไหนมาไหนคนเดียว ผมได้ไปเที่ยวในที่ที่อยากไป โดยไม่ต้องกังวลว่า ลูกเมีย จะเที่ยวแบบผมได้มั้ย ผมสามารถออกไปถ่ายรูป, ออกไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูง โดยไม่ต้องห่วงว่า ลูกเมีย จะรอผมกลับบ้านหรือเปล่า ผมว่าผมก็มีความสุขดี แม้ว่าจะมีบ้างที่เหงา แต่ก็ทดแทนได้ด้วยการออกไปเห็นโลกกว้าง การออกไปหาของอร่อยๆกิน และผมก็คงจะไม่คิดถึงการแต่งงานใหม่อีกแล้ว ^^
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นนะคะ. อ่านแล้วก็จริงอย่างที่พูดเลยค่ะ เรามีความสุขแต่จะแค่ไม่ฟุ้งฟริ้งมุ้งมิ้ง อาจจะเวาเหว่บ้าง แต่ก็คิดเช่นกันค่ะว่ายังดีกว่า การมีความสุขมากขึ้นแต่ความทุกข์จะตามมาในไม่ช้า ด้วยข้อคชจำกัดของผู้หญิงในเรื่องความปลอดภัย อาจจะไม่ได้ลุยเที่ยวแบบผู้ชายอย่างเต็มที่ เคยอยากมีบ้างเช่นกันค่ะแต่ไม่โหยหาเช่นกันค่ะ
-
คนสมัยก่อนพอเติบใหญ่พอผู้ใหญ่ก็จัดการหาคู่ครองให้ตามธรรมชาติ อันนี้ถูกต้องนะครับคนสมัยก่อนอยู่ภายใต้การดูแลของผู้ใหญ่จะทำอะไรตามใจชอบตามใจตัวเองคงยาก มาถึงปัจจุบันยุคที่ประชากรมากแก่งแย่งแข่งขันกันผู้ใหญ่ก็ต้องช่วยกันทำมาหากิน เพราะโลกเปลี่ยนไปความสะดวกสบายเข้ามาแทนที่ ความคิดคนก็เปลี่ยนตามไปด้วย พึ่งตนเองได้ ทำอะไรได้หลายๆอย่างเองได้ อยู่คนเดียวได้ไม่มีคู่ก็ได้ไม่เห็นจะแคร์เลย ไม่ว่าคนแต่ละคนจะเจอความผิดพลาดมาอย่างไรเจ็บปวดแค่ไหน เราก็ยังเป็นสิ่งมีชีวิตตามธรรมชาติอยู่ดี มีเพื่อนก็พอแล้วแต่วันนึงเพื่อนเหล่านั้นก็หนีคุณไปมีคู่ ใช่ตอนนี้ยังแต่เวลาผ่านไปหละคนที่มีครอบครัวแล้วความเป็นเพื่อนก็จะห่างเพิ่มขึ้นเรื่อยๆส่วนเพื่อนที่มีความคิดเดียวกันก็ยังอาจอยู่แล้วจะแน่ใจได้ไงว่าเขาจะแข็งแรงพร้อมอยู่เป็นเพื่อนไปตลอด ในที่สุดสิ่ง น่ากลัวที่สุดก็มาเยือน ความเหงาไงหละ ชีวิตยังต้องเดินทางไปอีกยาวๆถึงวัยชราแล้วจะอยู่ยังไงกับความอ้างว้างโดษเดี่ยว ในขณะที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาวเรายังมีต้นทุน เรายังมีโอกาสแต่จะปล่อยโอกาสผ่านไปให้หมดตามกาลเวลาทำไมในโลกแห่งความคิด เราคิดได้ แต่ในโลกแห่งความจริงเราทำไม่ได้ เราได้แต่คิดแต่เราลืมความเป็นจริงของสิ่งมีชีวิตไม่ได้ ในโลกของสิ่งมีชีวิต รางวัลจากพระเจ้าคือ ลูก สิ่งมีชีวิตที่มีสายใยใกล้กันที่สุดไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรในชีวิตเขาเป็นสิ่งเดียวที่อยู่ใกล้เรามากกว่า อย่าเสียใจเลยถ้าเราต้องเจอกับสามีที่ไม่ดี ภรรยาที่ไม่ดีหรือไม่ถูกใจ โลกนี้ไม่มีแพคเกตสมบูรณ์แบบหรอก ลองพิสูจน์ด้วยตัวเอง ถ้าอยู่แต่ในบ้านไม่ยุ่งเกี่ยวกับใครได้ไม่คบหาสมาคมกับใครได้ นั่นก็แสดงว่าคุณจบหลักสูตรปลีกวิเวกแล้ว การไม่มีคู่ก็ไม่จำเป็น ชีวิตคนเราก็เหมือนกับจ่ายค่ามือถือนะ จะเติมเงินหรือรายเดือน เติมเงินก็จ่ายก่อนแล้วค่อยใช้ ส่วนรายเดือนก็ใช้ก่อนแล้วค่อยจ่าย เท่านั้นเอง.
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นค่ะ. เย่ครบหลักสุตรปลีกวิเวกแล้ว
-
ไม่คิดแต่งคิดคล้ายน้องจขกท.คือหาเพื่อนคุยแก้เหงา
ส่วนใหญ่นัดเจอน้องๆตอนมื้อค่ำ สัปดาห์ละ 2 หรือ 3 ครั้ง เท่านั้น
ใช้ชีวิตแบบนี้มาร่วม5ปีแล้ว มีความสุขในระดับหนึ่ง
ถ้าไม่พร้อมที่จะรับผิดชอบชีวิตใครอย่างจริงจังละก็ อยู่คนเดียวนี่แหละสุขกว่าครับ
ใช่ค่ะถ้ามีต้องมีให้ดีกว่าอยู่คนเดียว ถ้าไม่ อยู่แบบนี้ดีกว่า ไม่สุขสวีทอะไร แต่ก็ไม่ต้องไปยึดติดชีวิตกับใครค่ะ
-
ลุงชาร์ลก็ไม่ได้ตั้งใจโสดหรอก แต่ไม่มีใครเอาลุงแ่กๆ **30** เลยได้แต่นั่งแหย่หลานๆในเว็บเล่น
บางทีถ้ายังไม่เจอคนที่ใช่จริงๆ ที่เป็นเพื่อนยากในยามทุกข์ และหัวเราะกับเราตอนมีความสุข แล้วสบายใจก็อย่าเพิ่งรีบนะครับ
ขอบคุณจร้าคุณลุง
-
ย้อนกลับมาถามว่า ถ้าชีวิตในแต่ละวันของวันจ.จนถึงวันส.หลังจากตื่นนอนก็ออกกำลังกายพักหนึ่ง พอเริ่มทำงานก็ต้องรับผิดชอบชีวิตผู้คนมากมายโดยที่ตั้งแต่7โมงเช้าถึง2ทุ่มก็มีผู้คนเข้ามาขอคำปรึกษา มาพูดคุย หรือ ต้องคุยธุรกิจติดต่อกับผู้คนตลอดเวลา
เพื่อให้หลุดออกจากวงจรชีวิตที่มีแต่งานจึงต้องกำหนดให้บางวันจะต้องออกไปสังสรรเสวนา ทานข้าวมื้อค่ำกับเพื่อนกลุ่มต่างๆหลายๆกลุ่มรวมถึงออกไปนั่งทานมื้อค่ำกับน้องบางคนในเว็บนี้สลับกันไป
ส่วนวันอาทิตย์ทั้งวันไม่ไปไหน ปิดมือถือ นั่งๆ นอนๆ สลับกับปลูกต้นไม้ อ่านหนังสือ เตรียมแผนงาน(ในสัปดาห์ที่จะถึง) ทั้งดูหนังฟังเพลงและท่องเว็บหาความรุ้ทางเทคนิคเพื่อการลงทุน ทำแบบนี้มาตลอดหลายปี มีความสุขดี ไม่ค่อยว้าเหว่
ใครเป็นแบบนี้ควรหาคู่มาแต่งมั๊ยเอ่ย?
**30**
-
ตามธรรมชาติมนุษย์ อยู่ 2 คน มันสนุกกว่าอยู่คนเดียวแน่ๆ แต่ต้องหาคนที่เข้ากับเราได้
ถ้าเขามีรายได้ดี คอยจุนเจือเรา ยิ่งดีไปใหญ่
ตอนนี้ไม่อยากมีลูก แต่พออายุ 50 มีลูกไม่ได้แล้ว ตอนนั้นก็จะเริ่มรู้สึกว่าชีวิตมันขาดอะไรไป
แล้วเดี๋ยวเราเจ็บป่วย แก่ๆ ใครจะมาดูแลเรา มีแต่ลูกเท่านั้นแหละที่จะมาดูแลเราจริงๆจังๆ
ไม่งั้นก็ต้องมีเงินเยอะๆ จ้างคนมาดูแล หรือไม่งั้นก็ต้องไปอุ้มลูกคนอื่นมาเลี้ยง
-
ตามธรรมชาติมนุษย์ อยู่ 2 คน มันสนุกกว่าอยู่คนเดียวแน่ๆ แต่ต้องหาคนที่เข้ากับเราได้
ถ้าเขามีรายได้ดี คอยจุนเจือเรา ยิ่งดีไปใหญ่
ตอนนี้ไม่อยากมีลูก แต่พออายุ 50 มีลูกไม่ได้แล้ว ตอนนั้นก็จะเริ่มรู้สึกว่าชีวิตมันขาดอะไรไป
แล้วเดี๋ยวเราเจ็บป่วย แก่ๆ ใครจะมาดูแลเรา มีแต่ลูกเท่านั้นแหละที่จะมาดูแลเราจริงๆจังๆ
ไม่งั้นก็ต้องมีเงินเยอะๆ จ้างคนมาดูแล หรือไม่งั้นก็ต้องไปอุ้มลูกคนอื่นมาเลี้ยง
ค่ะก็คิดไว้ว่าถ้าจะอยุ่คนเดียวก็ต้องดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีมากๆ คืออย่าป่วยถึงเวลาก็ตายไปเลย แน่นอนคนมี่ไม่มีลูกมีแฟน ต้องอยู่บ้านพักคนชราแต่บ้านพักคนชราของต่างประเทศเก๋ดีนะคะ แล้วก็ต้องมีเงินเยอะด้วยค่ะ ถึงจะอยู่อย่างสร้างสรรได้
-
ย้อนกลับมาถามว่า ถ้าชีวิตในแต่ละวันของวันจ.จนถึงวันส.หลังจากตื่นนอนก็ออกกำลังกายพักหนึ่ง พอเริ่มทำงานก็ต้องรับผิดชอบชีวิตผู้คนมากมายโดยที่ตั้งแต่7โมงเช้าถึง2ทุ่มก็มีผู้คนเข้ามาขอคำปรึกษา มาพูดคุย หรือ ต้องคุยธุรกิจติดต่อกับผู้คนตลอดเวลา
เพื่อให้หลุดออกจากวงจรชีวิตที่มีแต่งานจึงต้องกำหนดให้บางวันจะต้องออกไปสังสรรเสวนา ทานข้าวมื้อค่ำกับเพื่อนกลุ่มต่างๆหลายๆกลุ่มรวมถึงออกไปนั่งทานมื้อค่ำกับน้องบางคนในเว็บนี้สลับกันไป
ส่วนวันอาทิตย์ทั้งวันไม่ไปไหน ปิดมือถือ นั่งๆ นอนๆ สลับกับปลูกต้นไม้ อ่านหนังสือ เตรียมแผนงาน(ในสัปดาห์ที่จะถึง) ทั้งดูหนังฟังเพลงและท่องเว็บหาความรุ้ทางเทคนิคเพื่อการลงทุน ทำแบบนี้มาตลอดหลายปี มีความสุขดี ไม่ค่อยว้าเหว่
ใครเป็นแบบนี้ควรหาคู่มาแต่งมั๊ยเอ่ย?
**30**
อยู่ที่ความพอใจของบุคคลนั้นๆคะ
-
อยิ่าไปยึดกับเครื่องประดับเครื่องสำอางค์ราคาแพง
หลงมาจากไหนคะคุณ!!!! มาผิดกระทู้เปล่าคะ
-
เคยคิดครับ เพราะผิดหวังกับบรรดาเหล่าแม่งนางที่เคยคบมากๆ แบบว่าอยู่คนเดียวสบายกว่า แต่...ก็เปลี่ยนใจเมื่อเจอคนที่เข้ากันได้ และไม่เคยทะเลาะกันเลย อยากแต่งเลยครับ แต่ก็แค่แอบฝันไว้ก่อน **04**
ขอให้หาคนที่ใช่เจอเมือไหร่ ก็อาจจะอยากแต่งเหมือนผมแหละครับ ขอให้หาได้ไวๆ
-
ถ้าจะเปรียบเทียบผญ.ในอดีตที่มักต้องหาคู่ หรือมีคนจัดหาให้กับผญ.สมัยนี้ ที่ไม่ค่อยจำเป็นต้องมีคู่
ผมว่าสังคมมันเปลี่ยนไปครับ แต่ก่อนผญ.ไม่ค่อยมีโอกาสทางการศึกษา ดังนั้นการที่ได้ผช.มาเป็นคู่ครอง
จึงเป็นความจำเป็นเรื่องปากท้องและชีวิต อีกทั้งพ่อแม่ก้จะหมดห่วงว่าลูกสาวตัวเองมีคนเลี้ยงดูแล้ว
แต่สมัยนี้ผญ.ได้รับการศึกษษไม่น้องยไปกว่าผช. ความคิดอ่านก็ไม่ด้อยไปกว่ากัน ดังนั้นจึงพึ่งพาตัวเองได้
ไม่ใช่จะมีคู่ครองเพื่อดูแลเลี้ยงังแต่ก่อน
อย่างไรก็ตามในคห.ผม ธรรมชาติของมนุษย์นั้นคือน่าจะมีคนอยู่ดูแลกันและกัน สร้างสังคม
สร้างคนดีๆ ไว้เป็นกำลังของบ้านเมืองต่อไป
แต่การจะมีเนื้อคู่ คบกัน แต่งงานกัน อยู่กันจนแก่เฒ่า ผมว่ามันต้องเป็นพรหมลิขิต ผมเชื่อว่าถ้าทำบุญ
ด้วยกันมาดี ก็จะอยู่กันอย่างมีความสุข แต่หากทำกรรมไม่ดีกันมา อย่างดีก็เลิกร้างกันไป หรือต้องทนอยู่ด้วยกัน
อย่างทุกข์ทรมาน อันนั้นคงขึ้นอยู่กับวาสนามั้ง
สรุป ผมคงให้คำแนะนำว่าถ้าใครเจอคนที่คิดว่าใช่ ก็ลองดูครับ อย่าไปคิดต่อต้านการมีคู่เลย
แต่ถ้ายังไม่เจอก็ใช้ชีวิตของเราไป เพราะตอนนี้เราก็อยู่อย่างไม่มีใครอยู่แล้ว วันข้างหน้ามีมาก็มี
มาแล้วไปเราก็อยู่เหมือนตอนนี้....ก็แค่นั้นครับ
-
คิดเหมือนกัน แต่ไม่ได้วางแผนจะโสดนะ เจอคนรักก็ดี ไม่เจอก็ดี ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร เพราะไม่ใช่ว่ามีคู่ หรือลูกแล้วจะตอบปัญหาได้แน่นอนว่า จะ มีคนดูแล หรือ เพื่อน ยามแก่เฒ่า บางคนก็เลิกรากันไป บางคนแต่งแล้วแต่งอีก บางคน ก็ เด็ดสะมอเร่ก่อน บางคนมีลูกหลายคน ก็ไม่เห็นจะมาดูแลพ่อแม่สักคน
จริงๆ คนเราเกิดมาก็ตัวคนเดียว ตายไปก็คนเดียว การมีคู่ครองดีๆ เหมือนซื้อหวย ตาดีได้ ตาร้ายเสีย บางคนไม่ขอบแทงหวย ก็ไม่เสียเงิน แต่ก็ไม่รวย ถ้าคิดว่าอยู่คนเดียว แล้วมีความสุข ก็ไม่ต้องไปแคร์สายตา หรือคำพูดคน คนที่ชอบวิจารณ์ ส่วนใหญ่มักมีปมด้อย หรือปัญหาส่วนตัว ไม่ว่าคุณจะโสด หรือไม่ คนพวกนี้ ก็ปากหมา หาเรื่องวิจารณ์อยู่ดี
สรุป อยู่ยังไงให้ขีวิตดี้ดี กับตัวเอง ไม่เป็นภาระสังคม ไม่สร้างความเดือดร้อนใหชาวบ้าน ก็น่าจะโอเครละ สำหรับผมนะ
ค่ะขอบคุณสำหรับความเห็นนะคะ มีความคิดเห็นคล้ายกันค่ะ และอีกเช่นกันค่ะไม่ได้วางแผนโสด แต่ก็ไม่ได้ขวนขวายตามหาใครเข้ามา แม้จะเห็นเพื่อนสนิท มีครอบครัว มีคนใส่ใจ เห็นเลยว่าต่างกับคนโสดที่จะไม่มีโมเม้นนี้ แต่ก็รู้สึกเฉยๆแล้วค่ะ การมีหรือไม่มีไม่ใช่สูตรสำเร็จของชีวิต แล้วแต่คนนั้นๆค่ะ
-
โซก็ไม่ได้คิดว่าจะโสดนะคะ
แต่พอดียังหาแฟนใหม่ไม่ได้(ไม่มีใครเอา)
มีแค่แฟนเก่าอยู่7-8คน
แล้วแฟนเก่าก็โสดเหมือนกัน
ยังเคยถามแฟนเก่าๆว่า..
"เธอก็โสด เราก็โสดทำไม่เอากันเอง"
เกือบทุกคนไม่โอเค
มีคนนึงตอบได้ประทับใจมาก ว่า..
"เอาไว้ชาติหน้า เธอค่อยมาถามเราใหม่"
**25**
โพ่งสิ! ข้าอยากได้เองชาตินี้โว้ยยยยย
อันนี้โซคิดในใจ
**21**
-
ถ้าปรับตัวจนชีวิตดีอยู่แล้ว
ไม่ขาด ก็ไม่จำเป็นต้องหาอะไรมาเดิม
และถึงจะขาด ไอ้ที่จะมาเติมถ้ามันทำให้แย่ลงก็ไม่ต้องเติม
สมัยนี้อยู่คนเดียวเป็นของธรรมดาปรกติครับ เหมือนคนทำจมูกนะ
ปรกติทั่วไป ไม่ใช่30ปีก่อนนู้นนนนน
ขนาดเกิดมาไม่พอใจในเพศที่เกิดยังมีเพศสภาพให้เลือกได้เพียบ
**38**
-
คิดว่าจะไม่แต่งงานตลอดชีวิตมาตั้งแต่ม.ปลายแล้วค่ะ เพราะ ไม่อยากมีลูก ไม่อยากมีภาระ ไม่อยากเสียใจ ไม่อยากอยู่ในวงจรวัฏจักรของสิ่งมีชีวิต แต่บางครั้งเหตุผลทางความคิดก็ไม่หนักแน่นพอ เพราะ การกินข้าวคนเดียว ดูหนังคนเดียวก็มีเหงาบ้าง จนได้เข้ามาในที่แห่งนี้ ได้อ่านคอมเม้นของพี่คนหนึ่งซึ่งเปรียบเสมือนจิ๊กซอร์ทางความคิด เป็นแรงสนับสนุนทำให้ความคิดที่จะไม่แต่งงานชัดเจนและมีน้ำหนักมากขึ้น ส่วนบั้นปลายชีวิตวางแผนไว้แล้วล่ะว่าจะไปอยู่บ้านพักคนชรา
#อยู่ที่นี่อย่ารักใคร อย่าทุ่มเทใจให้ทั้งหมด เรามาพบเพื่อเพียงจากกัน เพราะสุดท้ายแล้วก็ต้องต่างคนต่างไป ขอบคุณมากนะคะสำหรับจิ๊กซอร์ทางความคิดชิ้นนี้ ชินแล้วล่ะกับการอยู่คนเดียว ความรักมันไม่มีอยู่แล้ว ตอนนี้มีเพียงแค่ความฝัน ความหวังที่เหลืออยู่เท่านั้น