น้องตัวเล็ก ใจร้ายเกินไปแล้ว มาทำเป็นจำไม่ได้นะครับ
ขอโทษทีนะครับที่เพิ่่งกลับมาตอบ วันก่อนหลับไปกับลูก แล้วก็เลิกงานดึกยุ่งๆกับลูกนิดหน่อย จะเข้ามาก็ลืมรหัสผ่าน
เมล์ที่ใช้สมัครก็เป็นเมล์ใหม่สมัครมาเพื่อเล่นเว็บ ลืมรหัสทั้งสอง คราวนี้ก็เลยสมัครมาใหม่ เมล์ประจำเลยนะ
เหมือนผมจะแจ้งแล้วว่าไม่โฟกัสเรื่องเที่ยว หากติดตามแล้วผิดหวัง อย่าตำหนิผมนะครับ
เห็นเว็บจะมีการยืนยันตัวตน ดีเหมือนกันนะครับ ก็แล้วผมต้องถ่ายรูปลูกผมพร้อมใบเกิดส่งด้วยหรือเปล่าครับ นะก็เดี๋ยวจะverifyนะครับ
รอบหน้า ถ้าไม่ลืม
________________________________________ ต่อครับ
ตีห้าครึ่งที่สยาม ลูกชายยังหลับอยู่บนฟูกนอนเบาะหลัง ผมรับไหว้น้องตัวเล็กที่ปรามาสตัวเองไว้ซะติดลบ ปากบอกน้องให้คาดเบลท์
ตามองสำรวจน้อง เอาจริงๆเถอะ ผมไม่ได้คาดหวังจะเจอเด็กประถม??? น้องตัวเล็กมากๆเมื่อเทียบกับผมที่ก็ตัวใหญ่แหละ น้องบอกแต่แรก
ว่าไม่สวย หุ่นไม่ดี เห็นปรามาสตัวเองด้วย เรื่องรูปร่างหน้าตาน้อง ผมไม่ซีเรียส เคยขอรูปกับรายละเอียดแล้วโดนน้องเช่งกลับมาเลยไม่คิดจะขออีก
มาแบบผีดิบเดินได้ก็รับได้ แค่ไปเที่ยวเช้าเย็นกลับเท่านั้นเอง แต่เอาเข้าจริงน้องเซอไพรส์กว่าที่คิด นึกในใจ ขอบคุณไม่ว่าอะไรก็ตามเหอะที่ดลใจ
ให้ผมเปลี่ยนใจอยากเจอเธอ
แล้วน้องก็เห็นลูกผม ผมบอกว่าจะเอาลูกไปด้วย ถามว่ายังจะไปด้วยกันไหม น้องยืนยันจะไป ล้อหมุนเราเริ่มคุยกันเรื่อยเปื่อย น้องดูสบายๆ
ดูไว้ใจผมมาก ท่าทางไม่กลัวอะไรเลยทั้งที่เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆมากับผู้ชายตั้ง2คน และไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้ผมรู้สึกไว้ใจเธอบ้าง
เล่าสิ่งที่ผ่านมาในชีวิตที่ไม่เคยเล่าให้ใครฟังให้น้องตัวเล็กคนนี้ฟัง จนกระทั้งลูกชายผมตื่นขึ้นมา มันเป็นความประทับใจที่เต็มตื้นขึ้นมา
ผมอธิบายมันไม่ถูกหรอกนะ จำไม่ค่อยได้แล้วด้วย แย่เนอะ นั่นแหละทันทีที่อ้อมแขนเล็กๆนั้นกอดประคองลูกของผม การพูดคุยของเราขาดสาย
แทนที่ด้วยเสียงหยอกล้อเล่นกัน เสียงหัวเราะผสมปนกันระหว่างคนสองคนข้างๆผม มันให้ความรู้สึกเหมือนจิ๊กซอถูกเติมเต็ม
ผมอยากจะยกโทรศัพท์มาเก็บภาพความประทับใจนี้ไว้ แต่มันไม่สะดวกและผมไม่ได้สนใจกับโทรศัพท์มากเกินกว่าหันมองดูภาพนั้นบ่อยๆ
แล้วก็พลายหัวเราะตามไปด้วย
ขึ้นเรือไปเกาะล้าน อากาศดียังไม่มีแดดมาก ถึงแล้วเราเช่ารถจักรยานยนต์ตรงไปหาอะไรทานกันเลย เราให้เวลากับอาหารนานมากๆ
ลูกผมจากที่เคยติดผมก็เกาะสาวมือหนึบเลย ผมสงสารแต่น้องตัวเล็ก เพราะลูกชายผมตัวจ้ำม่ำไปหน่อย แต่ดีจัง วันนั้นลูกผมไม่งอแงเหมือนทุกวัน
สงสัยอยู่กับคนแปลกหน้าเลยไม่กล้าหือละมั้ง ผู้หญิงตัวเล็กอุ้มเด็กจ้ำม่ำ ผู้ชายตัวโตถือตะกร้าผ้าขวดนม ไม่รู้ใครจะมองยังไง แต่ลูกชายผมวันนั้นไม่ติดพ่อแล้วนะ
สายเริ่มมีแดดแต่อากาศยังดี ทะเลสวย เราขับรถชมวิวและแวะเรื่อยๆเดินดูอะไรไปเรื่อยแต่ละหาด เที่ยงเราแวะร้านอาหารทะเล
ช่วงเวลาอาหารเป็นช่วงที่ผมรู้สึกมีความสุขที่สุดเลย เพราะมีคนแกะกุ้งแกะปูแกะหอยป้อนให้ทั้งพ่อทั้งลูก
เรามาทะเลแต่ไม่อยากจะลงทะเลกันเลย รอบบ่ายเที่ยวดูหาดแล้วก็หาร้านนั่งชิวกันรอเวลากลับ เราไม่ได้ไปทุกที่ที่เขาบอกว่าวิวสวย
เพราะหนทางมันชัน แดดร้อน เรามีเด็กมาด้วย เลยหาที่นั่งกินดีกว่า เราช่วยกันเลี้ยงน้องติณณ์ที่หลังจากพยายามคว่ำตัวได้ก็ดิ้นขยับหน้าถอยหลัง
จนเพลียสุดท้ายก็หลับปุ๋ยไปเลย
หลังจากลูกหลับ ก็เป็นเวลาของผู้ใหญ่คุยกัน ตลอดเวลาผมแอบสำรวจน้อง ถามเหตุผลที่น้องโพสแปลกๆ ไม่น่าเชื่อว่าน้องในวันนั้น
กับน้องที่เคยแยกเขี้ยวใส่ผมผ่านตัวหนังสือ แตกต่างกัน ผมนึกว่าเธอจะแรด ขอโทษนะครับที่ใช้คำรุนแรง เคยคิดว่าเธอจะดื้อมีแต่อคติ
แต่มันไม่ใช่ น้องแต่งตัวเรียบร้อย อันนี้น้องบอก 'เพราะไม่สวยหุ่นไม่ดีเลยใส่เสื้อผ้าสวยๆวาบหวิวไม่ได้ค่ะ' แต่ผมว่าแบบนี้โอเคเลย
ดูเป็นคนมีโลกส่วนตัวที่ไม่ว่าใครก็เข้าไปไม่ถึง แต่น้องกลับทำให้รู้สึกเป็นกันเอง แบบไม่ต้องพูดก็เข้าใจกัน น้องวางตัวดี ไม่ให้โอกาสผมได้ถูกตัวได้ง่ายๆ
น้องขยับห่างอย่างเป็นธรรมชาติไม่ได้ทำให้รู้สึกอึดอัด น้องบอกว่าเพราะไม่ได้มาแบบจ้างเที่ยว(น้องไม่รับงาน เคยถามแล้ว)
แล้วพี่ก็บอกแต่แรกว่ามาแบบฟิวเพื่อนกัน น้องจึงวางตัวฐานะนั้น ตอนนั้นเองที่รู้สึกเสียดาย ไม่น่ายึดติดกับคำปรามาสที่น้องใช้เรียกตัวเองเลย
ทำให้ตัดสินใจผิดพลาดไป ดูเป็นเฒ่าหัวงูไปเลยเนอะ5555
เวลาผ่านไปเร็ว แป๊บเดียวก็ถึงเวลาต้องกลับแล้ว ช่วงเวลาขับรถจักรยานยนต์กลับไปท่าเรือ อากาศดีมากๆ สองคนที่นั่งซ้อนท้ายมากับผม
ดูจะสนุกกันไม่น้อยอีกแล้ว นั่นลูกผมนะ ไหนใครบอกว่าไม่ชอบเด็กกันล่ะ เอาซะอยู่หมัดเลย
เดินทางต่อเรือไม่นานเราก็มาอยู่บนรถเตรียมจะกลับกทม. ผมถามว่าอยากแวะซื้อของฝากกลับบ้านไหม แล้วก็ได้คำตอบเดิมว่า ไม่เป็นไรค่ะ
ผมเคยจะซื้อของฝากให้ แต่น้องก็ปฏิเสธ 'แค่พี่ออกค่าเดินทางจ่ายค่าอาหารก็มากแล้วค่ะ'
ลูกผมคงรู้ว่าเดี๋ยวจะต้องจากแล้ว กอดน้องตัวเล็กไม่ยอมหลับเลย ไม่อยากจากเหมือนกันใช่ไหม พ่อก็รู้สึกเหมือนกัน จะหกโมงแล้ว
ผมพาแวะทานอาหารโดยไม่ถามความสมัครใจ ขอยื้อเวลาอีกสักหน่อย แต่สุดท้ายก็คงต้องจากอยู่ดี
ทุกการกระทำของน้องเป็นธรรมชาติที่อยากทำ แม้กระทั้งเลี้ยงลูกผม น้องก็ทำได้นี่ น้องไม่ได้มาแบบจัดเต็มพร้อมฟรุ้งฟริ่ง
แต่น้องมาแบบพร้อมจะอยู่ให้ได้กับทุกสถาณการณ์ไม่ว่าผมจะพาขึ้นเขาหรือลงห้วย ปลื้มที่เธอวางตัวได้ดีเสมือนเป็น แม่ของลูกไม่ใช่พี่เลี้ยงเด็ก
ทำไมผมจะไม่ถามเรื่องดูแล เมื่อผมคิดว่าน้องใช่ แต่เพราะถามแล้วน้องปฏิเสธมาน่ะสิ ผมเจอเธอช้าไป เงินที่เสนอไปมันซื้อเธอไม่ได้
ชั่ววูบผมรู้สึกอิจฉาคนที่น้องเลือกให้เป็นคนดูแล
3700หมดกระเป๋า ผมยื่นให้ก่อนจะจากกัน 'พี่ช่วยค่ารถ' เพราะน้องไม่รับเงินจ้างเที่ยว
100 น้องดึงไปแค่นั้น 'นั่งBTSมาค่ะ มา37 บาท กลับ37 เหลือด้วยซ้ำ แค่นี้ก็พอ' แล้วเธอก็ไหว้ลาผม ผมบอกให้รับไปเดี๋ยวผมเขียนการบ้านส่งให้
เพราะไม่เห็นมีใครเขียนให้น้องเลย พูดหยอกเล่นว่าน้องคงทำตัวไม่น่ารักแน่ๆเลยพี่ๆถึงไม่เขียนการบ้านให้ น้องถามว่าผมจะเขียนให้จริงเหรอ
ผมบอกว่าจริง เพราะผมตั้งใจจะเขียนอยู่แล้ว รูปก็ถ่ายไว้บ้าง 'อย่าเขียนเลยนะคะ'
เธอยิ้มแล้วขยับมาหอมแก้มลูกชายผมที่เบะปากได้ที่เหมือนจะเริ่มงอแงอยู่บนตักผม ชั่วขณะผมอยากจะรวบกอดเธอไว้ แต่ก็ทำได้แค่คิด
ผมเป็นหนึ่งคนที่เคยใช้คำรุนแรงและเคยมองว่าเธอเป็นคนนิสัยแย่ เพียงเพราะการส่งข้อความคุยกันแล้วมีแนวคิดต่างมุมกัน
ผมอยากขอโทษ ผมขอโทษเธอไปแล้วล่ะด้วยข้อความจากอีกไอดีหนึ่ง แต่มานึกก็อยากขอโทษอีกสักครั้ง เหมือนมันยังไม่พอ
และขอบคุณมากที่ทำให้วันเกิดปีนี้ของพี่เสมือนได้ถูกเติมเต็ม แม้น้องจะไม่รู้ว่าวันนั้นเป็นวันเกิดพี่ แต่สิ่งที่น้องทำให้พี่
มันดีกว่าเค้กหรือของขวัญมากมายจากใครๆเสียอีก พี่อาจคิดไปเอง แต่ก็ขอบคุณครับ
ยาวไปไหมไม่ทราบ นี่คือเหตุผลที่มาพิมพ์ลงที่ห้องLove6ครับ