ผู้เขียน หัวข้อ: อุทาหรณ์สำหรับพวกคุณทุกคน (อยากให้ได้อ่านคะ)  (อ่าน 1314 ครั้ง)

KU-MI-KO

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 2
  • People Like This 0
สวัสดีคะ ก่อนอื่นขอแนะนำตัวนะคะ
ชื่อ  คูมิโกะ  (ในนามสมมุติ)
เราสมัครรหัสนี้ขึ้นมาใหม่ เพราะจำรหัสเดิมและยูสเดิมไม่ได้
เราแค่อยากจะมาเล่าให้เพื่อนๆพี่ๆหรือใครก็ตามที่คิดจะเข้ามาหาคนดูแล หรือมีคนดูแลอยู่แล้ว ไม่ว่าจะด้วยเหตุและผลใดๆก็ตาม เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้ระมัดระวังในการใช้ชีวิต

ในช่วงปีที่แล้ว (2013) ทางบ้านเราประสบปัญหาทางด้าน การเงิน ทางใจ รวมถึงหน้าที่การงานของคนในบ้าน มันล้วนเป็นสถานการณ์ที่ย่ำแย่มากสำหรับคนอย่างเรา ตั้งแต่โตมาเราไม่เคยเจอปัญหาที่มันหนักเท่านี้มาก่อน หลังจากนั้นเราเริ่มไม่มีเงินใช้ เริ่มหยิบเงินออมที่มีออกมา จนมันน้อยลงและหมดไป ยอมรับเลยว่าในตอนนั้น ทางบ้านเราเครียดกันมาก ทำให้เราไม่อยากทำให้เค้าต้องเครียดกันมากขึ้น เรายังเรียนอยู่คะ และยังไม่สามารถไปหางานพาสไทม์ทำได้ จึงเริ่มลองหาในเน็ต จนมาเจอเวปนี้  เรายอมรับเลยคะ ว่าเราลังเลใจมาก บวกกับความกล้าๆกลัวๆ ศึกษาหาข้อมูลต่างๆ เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันตะกวดสักนิด แล้วเราก็ตัดสินใจ สมัครสมาชิกและ "โพสหาคนดูแล" เราเลือกที่จะแอดกลับไปเอง โดยให้พี่ๆทิ้งข้อมูลทาง PM หลังจากนั้นก็มีพี่ๆติดต่อเข้ามาโดยพอประมาณ  คุยๆ เลือกๆไปได้สักพัก ก็ตัดสินใจมาตกลงที่พี่คนนึง ชื่อ พี่พอช (ในนามสมมุติ) เราคุยตกลงกับเค้า ตามรายละเอียดทั่วไป เค้าก็ไม่ถามอะไรเรามาก แต่เรารู้สึกว่า คนนี้แหละ ที่เราจะไปเจอ ซักพักเราก็แลกเบอร์โทรเพื่อความชัวร์  และแล้วก็มีสายโทรเข้ามาหาเรา
เราคุยไม่นานคะ คอนเฟริม์เวลาและสถานที่
แล้วก็วางกันไป...

เช้าวันต่อมา...
เรานั่งแท๊กซี่ไปหาเค้า เค้าจอดรถรอเราอยู่ในหน้าปั๊ม แต่ระหว่างทางพี่เค้าโทรถามเรื่อยๆคะ ว่าตรงไหน รถสีอะไร แล้วก็บอกรายละเอียดของรถเค้า  ใช้เวลาประมาณ 30  นาที เราก็เห็นรถเค้า
ตอนนั้นแหละคะ ใจเรามันเต้นแรง รู้สึกตัวชา เราตื่นเต้นและกลัวพอสมควร  หลังจากนั้น เราเดินไปเปิดประตูและนั่งข้างคนขับ เราก็สวัสดีเค้า ตามมารยาทที่ควรจะเป็น แล้วเราก็ถามเลยคะ ว่า เจอตัวจริงเราเค้าชอบไหม  (คือมันอึดอัดนะคะ เวลาที่ไม่รู้ว่าเค้าคิดยังไงกับเรา เราเลยถามเพื่อความสบายใจ)  และแล้วคำตอบที่ได้กลับมามันทำให้เรา หายตื่นขึ้นมาบ้าง รู่ไหมคะเค้าตอบว่าอะไร
คิดว่าคงรู้อยู่แล้วหละคะ เค้าบอกว่า  "ชอบสิ โอเคนะ "  ถึงมันจะจริงหรือโกหกเราก็ยังขอบคุณที่ทำให้เรามั่นใจขึ้นมาได้อีกนิด
จากนั้นเค้าก็หยิบเงินจำนวนนึงที่ตกลงกันไว้ให้เรา แล้วก็ขับรถไปยังสถานที่ที่คุณก็รู้ว่าที่ไหน
เราขอข้ามไปเลยนะคะ ในตอนนั่งรถกลับใจเราคิดกังวลตลอดว่าเค้าจะหายไปไหม จะติดต่อเราไหม แต่เราก็พูดกับเค้าคะว่า อย่าหายไปเฉยๆ มีอะไรบอกกันได้ เราคุยกันได้ เค้าก็บอก "ไม่หายแน่นอน สัญญา" หลังจากนั้นเขาก็มาส่งเราแถวๆบ้าน เราก็ลงจากรถเราก็ บ๊ายบายนึดนึง แล้วรถเขาก็ขับออกไป เราก็เข้าบ้าน เวลาผ่านไปได้ระยะนึง เค้าโทรมา บอกเราว่า เข้าบ้านแล้วนะ คุยกันในไลน์นะ (เราลืมบอกไปคะ ว่าเค้ามีครอบครัวแล้ว ซึ่งเรารู้ในจุดยืนที่เราเป็น)  จากนั้นเราก็ติดต่อและคบกันมาเรื่อยๆ เค้าแวะมาหาเรา พาเราไปทานข้าวร้านอาหารบ้างในบางครั้ง ถ้ามีเวลาเหลือเยอะ เป็นช่วงที่ตอนนั้นเรามีความสุขมาก เค้ารักเรามาก ทุกอย่างในชีวิตเราดีขึ้นเริ่มมีเงินเก็บ มีเงินช่วยเหลือที่บ้าน  ซื้อข้าวของเข้าบ้าน ระยะเวลาผ่านไปได้ 2-3 เดือน  เราก็ต้องมาเจอกับสิ่งที่จะเปลี่ยนชีวิตเราไปตลอดกาล เรารู้สึกว่า ประจำเดือนเราขาดประมาณ 1  เดือน ซึ่งในตอนนั้นช่วงแรกเราไม่คิดอะไร แต่คนเรามันมีลางสังหรณ์ เราบอกเค้าและปรึกษาเค้าก็ดีมากคะ อยู่ข้างเรา วันต่อมาเค้าก็นัดเจอเราเหมือนทุกครั้งแต่ครั้งนี้เรามีจุดประสงค์หลัก คือ " การตรวจสอบการตั้งครรภ์"  เค้าซื้ออุปกรณ์มาพร้อม หลังจากนั้นก็ขับรถไปเรื่อยๆจนไกลพอประมาณก็แวะเข้าไปที่พักแห่งหนึ่ง เราเข้าห้องน้ำทันที และทำการตรวจ ผลการตรวจของเรา ขึ้นสองขีด ใช่คะ เราท้อง น้ำตาเราไหล  เราพูดไรไม่ออก เดินเอาไปให้เค้าดู เค้าก็กอดเราบอกกับเราว่า ไม่เป็นไร เค้ารับผิดชอบ เค้าดูแลได้ เค้าสัญญาจะไม่ไปไหน

** ในการคบกัน คือทางบ้านเรารับรู้ว่าเรามีแฟนนะคะ
แต่ไม่ทราบว่าทางแฟนเรามีครอบครัวแล้ว แล้วเราก็ไม่อยากจะบอกด้วย **

หลังจากนั้น เค้าเริ่มวางแผน เริ่มคำนวนค่าใช้จ่าย เลือกโรงพยาบาล ซื้อวิตามิน ของบำรุง มาให้เรา เพราะตอนนั้นเราบวมมากคะ สิวขึ้น ผิวคล้ำลง กินเก่งมาก มันทำให้ทางครอบครัวเราสงสัย แต่เราก็ตอบไปว่ามันไม่มีอะไร เราแพ้ครีม เราอ้างนู่นอ้างนี่ จนเค้าก็เลิกถามไป
เวลาผ่านไปประมาณ  3-4  วัน เราก็มานัดเจอกันอีก ไปหาหมอเพื่อตรวจอายุครรภ์ ของเราอยู่ประมาณ 6  สัปดาห์คะ แต่ในตอนนั้นยังไม่ได้ตกลงฝากครรภ์นะคะ เพราะเราแค่อยากรู้จะได้คำนวนเงินถูก หลังจากนั้นทุกสัปดาห์ เค้าจะโอนเงิน 1x,xxx บาท หรือ บางทีก็เยอะกว่านี้ เข้าบัญชีของเรา เพื่อให้เราเก็บด้วยส่วนนึง และ ใช้ส่วนนึง ซึ่งในตอนนั้นจากที่เค้าเคยมาหาเรา 4-5 วัน ต่อสัปดาห์ ก็น้อยลงคะ กลายเป็น 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ แต่เราก็เข้าใจคะ เค้าต้องทำงานเยอะขึ้น และ อีกอย่างนึงคือไม่อยากให้เราออกนอกบ้าน นิสัยเราเริ่มแย่ เอาแต่ใจมากขึ้น โทรวีน เหวี่ยง ในบางครั้งที่เค้าไม่ได้ผิดอะไร เราผิดเองคะ พอมีคนตามใจมากๆ ก็หลงตัว
เวลาผ่านไปทุกอย่างยังคงปกติ จนคืนนึงคนในบ้านเราทะเลาะกันจนเราเครียดและอึดอัด  เรากรี๊ดและบอกว่า  เราท้อง  ทุกคนเงียบ เศร้าคะ  เศร้าสุดๆ เราทำลายความหวังของคนในบ้าน อนาคตของเรา ช่วงชีวิตที่เคยสดใสมันหม่นหมอง มันเหมือนเจอหลุมดำ เราหมดแรงทรุดลงตรงนั้น และ ร้องไห้ ขอข้ามฉากดราม่าไปนะคะ หลังจากนั้นทุกคนในบ้านก็รู่เรื่องเรากับพี่เค้า  และทางบ้านเราเรียกพี่เค้ามาคุย  ในเย็นวันต่อมา พี่เค้าก็มาที่บ้านเราทุกคนดูตึงไปหมด การสนทนาเป็นแบบไหนเราไม่ขอเล่านะคะ เราขอมาสรุปที่ช่วงท้ายเลย  คือ ทางบ้านเราไ
ม่ยอมให้เอาเด็กไว้ ด้วยเหตุผลทั้งปวง เรารู้สึกแย่ เลว จะด่าเราก็ได้นะคะ  แต่เราไม่มีทางเลือก ทั้งในเรื่องสถานะที่เปิดเผยไม่ได้ด้วย พี่เค้าก็พูดอะไรมากไม่ได้ คือเราเข้าใจนะคะ ลูกเค้าก็ 4  คนแล้ว แล้วเราคงไม่ยอมให้เค้าทิ้งครอบครัวเค้ามาอยู่กับเราแน่นอน หลังจากนั้นเราก็ส่งพี่เค้าหน้าบ้าน แต่เราติดต่อกันตลอดหลังจากนั้นเราทำใจอยู่สักพักใหญ่ๆ จนวันนั้นก็มาถึงเพราะเราปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปมากกว่านี้ไม่ได้ เราไปยังสถานที่ดังกล่าว ซึ่งเราสอบถามข้อมูลจากเพื่อน วันนั้นเราไปคนเดียว พี่เค้าไม่ได้มาแต่เค้าก็โทรถามเราตลอด เราก้าวเข้าไปในสถานที่นั้น ใจมันหวิวมาก มือเราเย็น มีคนอยู่บ้างแต่น้อยมากคะ เราเดินขึ้นไปชั้นบนของตึก พอเปิดประตูเข้าไปเราตกใจมากคะ คนเยอะมาก หลังจากนั้นเราก็ไปติดต่อดำเนินเรื่อง ใช้เวลาประมาณ 30  นาที เราก็มานั่งอยู่หน้าห้อง  ตอนนั้นมันหวิวมาก  เราได้ยินเสียงร้อง เราจิตตกเลยคะ  เราเห็นแต่ละคนเข้าไปใช้เวลาแค่ไม่นานประมาณ 5-10 นาที  แต่รู้อะไรไหมคะ ในห้วงเวลา 5-10  นาทีของเราที่ต้องไปขึ้นเขียงนั้น  มันยาวนานเสียเหลือเกิน   เราเจ็บปวดที่สุดในชีวิต  เราแทบอยากจะถีบตัวเองออกจากเขียงนั่น แต่ทุกอย่างถูกเซฟไว้เรียบร้อย และเราก็เดินออกมานอนพักได้ประมาณ 10-20  นาที  ก็เดินไปนั่งฟังวันมาเช็คร่างกาย ใช่คะ หลังจากนั้นเราเดินได้ กลับบ้านได้ ไปขึ้นรถได้ แต่รู้ไหมคะ ว่ามันทรมานแค่ไหน แค่กายเรายังรักษาได้ แต่ที่ใจเราลบออกไม่ได้  เรารู้คะ ว่าสักวันเวรกรรมจะตามเรามาไม่ช้าก็เร็ว เรายอมรับในสิ่งที่จะเกิดคะ ที่เรามาเล่าให้ฟังไม่ได้จะหลอกหรือมีเจตนาไม่ดีนะคะ เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับเรา และเราก็อยากจะเอาเรื่องของเรามาให้ทุกคนได้รับรู้  จะได้ระวังอย่าคิดง่ายๆแบบเรา ว่าไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ป้องกันไว้เถอะคะ เรียนผูกดีกว่าเรียนแก้  เราคิดว่าเรื่องของเราจะช่วยให้ใครหลายคนไม่ต้องผิดพลาดแบบเรานะคะ

ด้วยความหวังดี