หลังจากทานข้าวเย็นเสร็จ เราก็ไปนั่งเรือดูหิ่งห้อย ในคลองป่าโกงกาง ชื่อ คลองเจ้า
โดยเรา2คนจากทิงเกอร์เบล ต้องไปขึ้นเรือสมทบกับพวกปีเตอร์แพน แล้วแล่นเรือเข้าไปในคลอง
หลังจากที่ทุกคนขึ้นเรือเรียบร้อยแล้ว เรือก็ค่อยๆๆแล่นช้าลึกไปไปในคลองเจ้า
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา คิดว่า จะลองถ่ายหิ่งห้อยในหมวดวีดีโอ
แต่เพราะละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์ ขึ้นมามองวิวรอบๆๆ ก็กลายเป็นว่า รอบๆตัวมืดมิดไปหมดแล้ว
สองข้างทางเต็มไปด้วยเงาไม้แน่นทึบสีดำ เงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้า เต็มไปด้วยดาวระยิบระยับตัดกับฟ้ามืดมิดเดือนแรม
แสงจ้าจากหน้าจอโทรศัพท์ของผมกลายเป็นสิ่งแปลกประหลาด แปลกปลอม ไม่เข้าพวก
ผมจึงปิดโทรศัพท์ทันที แล้วหันมาดื่มดำกับความมืดมิดตามธรรมชาติ ที่ไม่ได้เจอมานานหลายปีแล้ว
สักพักนึงก็มาถึงที่หิ่งห้อยอยู่ ถ้าใครเคยไปดูหิ่งห้อยที่อัมพวา ที่นั่น จะเป็นหิ่งห้อยตามพุ่มไม้เตี้ยๆๆ แต่ที่นี่หิ่งห้อยมีเยอะอยู่พอควร แตว่า จะอยู่ตามยอดไม้สูงๆ แม้ว่า เราจะไม่ได้เห็นมันใกล้ๆๆ แต่เรากลับรู้สึกพอใจมากๆที่ เราได้เข้ามาสู่ป่าโกงกางตามธรรมชาติอย่างแท้จริงๆ มืดมากๆ ไร้แสงรบกวน
สักพักนึง พี่ที่นำเที่ยวบอกว่า เด่วเราจะให้ดูพรายน้ำนะครับ แล้วเค้าก็เอามากวักลงไปในน้ำข้างๆตัวเรือ โอ้ว มันเป็นพรายน้ำ สีเขียวสะท้อนแสงอ่อนๆระยิบระยับขึ้นมา ไปตามฟองอากาศที่มือกวักไป
อันที่จริงมันคือแพลงตอนครับ จะเรืองแสงมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับชนิดของแพลงตอนและจำนวน
ที่เราเห็นเนี่ย ก็มีเยอะพอสมควร แม้ว่า มันอาจจะไม่เรืองแสงเท่าไหร่ แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความสมบูรณ์ของป่าโกงกางในคลองเจ้านี่มากๆครับ
ข้างล่างนี่เป็นรูปของแพลงตอนในต่างประเทศนะครับ และถ่ายด้วยแสงพิเศษให้เห็นแพลงตอนชัดขึ้น
แต่ผมลองหยิบโทรศัพท์มาถ่าย ไม่สามารถถ่ายได้นะครับ คราวหลังถ้าได้มาอีกว่า จะลองติดพวกไปแบลคไลท์มาส่ง คงจะขึ้นเป็นสีสะท้อนแสงแบบในต่างประเทศแน่ๆๆครับ
สรุปคือ ชมด้วยตาและเก็บไว้ในความทรงจำครับ ^^
หลังจากกลับจากดูแพลงตอนเรืองแสงและหิ่งห้อยแล้ว เราก็กลับเข้าสู่ที่ห้องพักทันที ก้อเป็นเวลาประมาณสามทุ่มกว่า เราสองคนก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมชุดเข้านอนในทันที