ในเวลาเพียงไม่นานผมพบน้องในเว็บนี้มาพอสมควร น้องๆหลายคนสร้างความทรงจำให้ผมในรูปแบบที่แตกต่างกัน ทั้งหวาน ซึ้ง สนุก ดราม่า แปลก ประหลาด และอีกมากมาย แต่ที่แน่นอนสำหรับผมคือ ผมไม่ได้ตั้งใจมาหาแฟน หรือเป็นเจ้าของ รวมทั้งการถูกเป็นเจ้าของกับใครในเว็บแห่งนี้ สิ่งที่ผมต้องการคือการสร้างรอยยิ้ม และความทรงจำให้ตัวเอง และคนที่ผมได้เจอ ตลอดจนงานผมก็ค่อนข้างชัดเจน มีให้เลือกหลายแบบที่ต่างกันในรายละเอียด ทำให้หลายๆครั้งน้องอ่านแล้วตอบปฏิเสธ ตอบปฏิเสธอันนี้ยังดี แต่ไม่ตอบอะไรเลย หายไปเลย อันนี้ผมถือว่ามันทำให้ผมงงๆ แต่พอบ่อยครั้งก็เข้าใจ น้องบางคนก็คุยกันมาดีมากๆ พอเข้ารายละเอียดงานนี่หายไปเหมือนไม่เคยคุยกันมาก่อนเลยก็มี อย่างไรก็ตามแน่นอนมีพลาดนัด มันก็ย่อมมีที่ได้นัด และหลายครั้งที่นัดนั้นได้มาแบบน่าประหลาดใจ แต่การบ้านฉบับนี้มาด้วยการแหกกฎของตัวเอง ใครไม่ชอบอ่านขอให้ผ่านไปครับ แต่ใครชอบเสพความฟินจากการอ่าน ก้อตามมาเลยคร้าบ
น้องคนนี้เป็นน้องที่หลายๆคนในเว็บนี้รู้จัก และคุ้นเคย แต่ผมขอไม่พูดถึงยูสน้องละกันนะครับ ปกติเวลาผมแนะนำรายละเอียดของงาน ถ้าน้องไม่สนใจ ผมมักจะพูดต่อไปว่า “ไม่เป็นไรครับ เราคุยกันเฉยๆก็ได้นะครับ ยังงัยก้อยินดีที่ได้คุยกัน” แต่นั่นแหล่ะแทบจะไม่มีหรอก ที่จะคุยกับผมต่อ มันก็นะ เข้าใจได้ ไม่ใช่อะไรที่ยากต่อการทำความเข้าใจ แต่ทุกคนที่ยังคุยกับผมต่อส่วนนึงเราก็ได้มีโอกาสเจอกันจริงๆ น้องคนนี้ก็เช่นกัน และเพลงนี้น้องเป็นคนเลือกมาเองครับ เปิดคลอไปการอ่านของคุณจะได้อรรถรสมากขึ้นชนิดคาดไม่ถึงเลยทีเดียว
https://www.youtube.com/watch?v=_5TJcaHO2gU มันเริ่มต้นจากมีน้องแอดไลน์มา แต่ไม่มีบทสนทนาเกิดขึ้น มีแต่ความเงียบ สงบ และนิ่ง ผมเปิดดูหลายครั้ง เอยูสนี้ไม่คุยซักทีแฮะ ผมจึงถือวิสาสะ เป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาซะเอง สิ่งที่ได้รับต่อมา มันคุ้นเคย เหมือนอะไรที่เคยชิน เหมือนลูปวนซ้ำๆ………ขอโทษนะคะ……..คือไม่ได้รับงานนะคะ…...อ่านการบ้านพี่แล้วแค่อยากรู้นะคะ…………ว่าพี่เป็นคนแบบไหน……….หนูติดตามทุกฉบับเลย……..แต่ไม่เคยคิดจะแอดนะคะ………..พี่เขียนได้น่ารักดีนะ..............สำหรับผมน้องแบบนี้ผมชอบนะ บางคนผมส่งการบ้านไปให้อ่าน ใจความสำคัญเพื่อให้รู้จักผมบ้างนิดนึงก็ยังดี เหมือนที่เค้าเคยว่าไว้ว่างานเขียนมันย่อมสะท้อนอะไรในตัวของผู้เขียนเสมอ เราสองคนปิดบทสนทนาวันนั้นด้วย “เลยไม่ได้สนใจที่พี่หาน้องๆนะคะ”….”งานพี่ก้อตามการบ้านแหละ ไม่เปนไรจร้า คุยเฉยๆได้” ใครจะรู้ว่ามันไม่ใช่จุดปิดฉากการสนทนา หากแต่เป็นการเริ่มเปิดม่านความทรงจำครั้งใหม่
จากจุดเริ่มต้นในวันนั้น มันทำให้ผมเข้าใจคำว่าจ้างเที่ยวมากขึ้น เพราะน้องคนนี้มีพี่จ้างเที่ยวเยอะมาก ผมได้ประสบการณ์หลายอย่างจากการคุยกับเธอ เหมือนมันเปิดโลกอีกมุมหนึ่ง แต่เราไม่ได้พบกัน เพราะจุดยืนของเราสองคนมันไม่ได้ซ้อนทับกันบนโลกเสมือนของความทรงจำแห่งนี้ เธอมักจะเป็นคนเริ่มทักทายมาด้วยบทสนทนาสั้นๆ แต่น่ารัก ปกติผมจะตอบแทบทุกคนแต่ช้าบ้างเร็วบ้าง แต่น้องคนนี้ก้อไม่เคยบ่น แรกๆเป็นเธอถามผมซะมากกว่า ผมว่าเธอคงอยากรู้จริงๆว่าการบ้านที่ผมเขียนมันจริงรึป่าว แบบแทบจะเรียกได้ว่าคำถามพรั่งพรู ผมก็ตอบไปตามประสา แต่ไม่นานเอ้ะนี่ทำไมเรารอคอยคำถามเหล่านี้จากเด็กคนนี้ สุดท้ายกลายเป็นผมเล่าให้เธอฟังซะมากกว่า น้องมักถามผมว่าทำไมพี่ไม่รับน้องงานแรงไปเลย ผมก็มักตอบไปว่า เงินมันซื้อเรื่องแบบนั้นไม่ได้หรอก ถ้าอยากจะรู้สึกดี เธอได้ฟังแล้วก้อหัวเราะ ส่วนผมก็ได้ความรู้อะไรมากมายจากเธอในเรื่องการจ้างเที่ยวแบบ ดูหนังฟังเพลง ทานข้าว เดินเล่นซึ่งผมไม่เคยได้เสพอะไรพวกนั้นมาก่อนเลย
ในที่สุดเราก็มาถึงจุดที่เราโทรคุยกัน อืมครั้งแรกคุยไปชั่วโมงนึง เอ้ยนี่เราคุยชั่วโมงนึงกับคนที่เราไม่เคยเจอได้ด้วยเหรอเนี่ย นึกแล้วก็ขำดี คุยไปคุยมาก็หยอดกันไปหยอดกันมา น้องคุยสนุก แต่คุยกันมานานไม่เข้าเรื่องงานเลย มันไม่รู้นานแค่ไหน จนผมเริ่มรู้สึกอยากจะพยายามเจอน้องคนนี้ จากนั้นในหัวก็เริ่มคิดเลย “นี่เราจะแหกกรอบงานของตัวเองเหรอ นี่เราจะไปเดินมุ้งมิ้ง ดูหนัง ฟังเพลง อ่ะนะ อืม………” แต่ตอนนี้ความอยากเจอมันเยอะขึ้นมาเรื่อยๆ บทสนทนาหลายครั้งน่าสนใจ ครั้งนึงเราเคยถกกันเรื่องจูบ คุยกันไปว่ามันไม่ใช่แค่จูบนะ มันบอกอะไรได้หลายอย่างเลย ไอจูบกะกอดเนี่ย แล้วก็เป็นบทสนทนาที่หวานๆ ร้อนๆ แต่ไม่น่าเกลียด กลับไปอ่านทีไรก้ออมยิ้มทุกครั้ง ผมจำได้ว่าบทสนทนาก่อนเริ่มต้นที่เราจะได้เจอกันคือ “พี่ก้อเหมาะเป็นแค่เพื่อนหนูแหล่ะ” “ไม่ต้องคิดมาก เป็นธรรมชาติของผู้หญิงมีสเน่ห์ ที่จะสนใจผู้ชายกะล่อน” ผมเดาออกว่าหน้าเธอตอนนั้นน่าจะอารมณ์เขิลๆ
หลังจากนั้นเราก็โทรคุยกันบ้าง ผมมักจะแซวเธอไปว่า นี่น้องจ้างเที่ยวเดือนๆนึงได้เงินเท่าเงินเดือนพี่เลยนะ เธอมักจะหัวเราะและไม่ยอมรับ ผมมักจะได้ฟังเรื่องระบายถึงพี่ที่เธอชอบและไม่ชอบของเธอ ถึงผมไม่รู้จักพี่เหล่านั้น แต่มันทำให้ผมรู้ว่าน้องที่จ้างเที่ยวแบบเธอชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร มันทำให้ผมนึกถึงวิธีที่จะสร้างโอกาสในการได้เจอกัน สุดท้ายผมก็คุยเรื่องรับงาน เอพูดแบบนั้นก็ไม่ถูก พูดว่านัดเจอจะดีกว่า หลังจากที่คุยกันมาเสียนาน เริ่มบทสนทนาด้วย งานจ้างกะงานฟรี ผมบอกเธอไปว่าผมจะพยายามให้ค่าขนมน้องทุกครั้งไม่ว่ามันจะรู้สึกดีขนาดไหน ซึ่งเธอก็คิดเหมือนๆกัน ผมก็เริ่มหยอดไปว่า “หวังว่าวันนึงหนูจะได้มาเป็นต้นเรื่องให้พี่บ้างนะครับ” น้องรีบตอบทันที “ไม่เอาหรอก จากที่อ่านการบ้านพี่มา หนูว่าพี่ก้อคงไม่ธรรมดานะคะ” ผมตอบแบบไม่ต้องคิดไปทันที “ถ้าหนูมองหาความธรรมดา คงไม่มาคุยกะพี่หรอกมั้ง จริงมั้ย?” เธอเงียบไปแล้วตอบมาว่า “หนูว่าหนูรู้จักผู้ชายมาเยอะนะ….” ผมรู้สึกได้ว่าหลังจากจบประโยคนี้ เธอเปลี่ยนไป เธอเริ่มพูดถึงเรื่องของเธอมากขึ้น และค่อยๆมากขึ้นตามลำดับ แน่นอนมันเป็นสัญญานที่บอกได้แล้วว่า เธอเริ่มรู้สึกอยากเจอผมตัวเป็นๆบ้างแล้วล่ะ งั้นก็รออะไรล่ะครับ เหล็กมันร้อนแล้ว ถ้าไม่ตีตอนนี้จะตีตอนไหน…….ที่ไหนได้ไม่เลยไอเหล็กที่ว่าร้อนอ่ะผมคิดไปเอง เธอส่งสติ้กเกอร์ NO มาตัวเบ้อเร่อ 555