วันนี้ตื่นเช้ามาว่างจัดนั่งอ่านของคนโน้นคนนี้ พลันมามองดูตัวเอง เอเราก้อลงแต่การบ้านงานนัว งานถ่ายภาพ แลี มีน้องน่ารักสนใจ ผ่านงานมาเยอะ แต่จริงๆก้อมีโมเม้นนี้เหมือนกัน โมเม้นที่ความรู้สึกมันลงลึกและก้าวนำความเข้าใจ ซึ่งเป็นโมเม้นที่มากกว่าการจ้างงาน ก้อเอามาแชร์กัน ที่สำคัญมีหลายคนและเขียนคนแรกไปแล้วใน EP.01 วันนี้จึงเป็นของคนที่ 2 ใน EP.02
โดยปกติผมจะเป็นคนที่ตีกรอบความเข้าใจของการรับงานไว้ในรูปแบบฟีลแฟน แต่ไม่เลี้ยงดู ถูกใจเจอกันไปได้เรื่อยๆ น้องก้อมีชีวิตส่วนตัวของน้อง แต่เมื่อเจอกันก้อขอมีความทรงจำร่วมกันที่ดีๆภายใต้เวลาที่ตกลง ที่สำคัญที่สุดคือไม่ว่างานจะไหลไปไกลขนาดไหนจะไม่มีฟีลบังคับกัน จึงเป็นที่มาของงานฟีลแฟน
แหมฟังดูกรอบความเข้าใจของผม อืมมันดีเลยทีเดียวแหละ แต่นั่นแหละเมื่อเราไม่ได้ต้องการฟีลแฟนเพียงฝ่ายเดียว ประกอบกับความน่ารักและเคมีที่เข้ากัน หลายครั้งมันก้อนำพาไปสู่การลาจากแต่สิ่งที่เหลือไว้จางๆคือความทรงจำที่ดีที่ไม่จางหาย
EP.02 : เมื่อน้องบอกว่า "หนูแค่อยากได้เพื่อนคุยในไลน์แค่นั้นเอง" โดยปกติคือผมจะไม่ทักน้องที่โพสงานในเว็บเลย น้องที่เจอกันจะมาจากน้องทักมาจากโพสงานที่ผมลง และเวลาที่ผมโพสรับงานลงไปก็จะมีน้องทักมาบ้าง น้องคนนี้ก็มาประมาณแนวนั้นเลย ทักมาสั้นๆ ห้วนๆ ผมก็ตอบทุกคนไปแบบปกติ เธอตอบกลับมา ผมตอบกลับไป ทำกันอยู่แบบนั้นซักพักนึง คือผมเป็นคนที่ตอบน้องทุกคนแต่ช้าหรือเร็ว เพราะบางทีก้อติดงาน น้องคนนี้ดูไม่กระตือรือล้นในการนัด ออกแนวเหมือนคุยเล่นๆ จนวันนึงมีน้องทักมา 3-4 คน และน้องคนนี้ก้อทักมาในไลน์ น้องที่ทักมาใหม่ทุกคนคุยดี และหน้าตาน่ารัก แต่เวลาจำกัด ผมสามารถเลือกเจอได้เพียงคนเดียว ในขณะที่กำลังตัดสินใจ มันเหมือนมีอะไรมาดลใจ ทำให้ผมกลับไปไล่อ่านไลน์ที่คุยกันกับน้องคนนี้ อ่านไปอ่านมา อืมทำไมมันรู้สึกแปลกๆ จึงตัดสินใจเลือกน้องคนเดิมที่เคยคุยกันมา หลังจากพิมพ์ลงไปผมก้อมานั่งคิด "เลือกน้องคนนี้ทำไม รูปก้อไม่เห็น รับงานก้อไม่รับ" ตอนนั้นไม่รู้คิดอะไรจริงๆ รู้แต่ว่านี่แรกที่ไปเจอน้องที่ไม่ให้แม้แต่รูป และไม่แม้แต่จะรับงาน
ถึงวันนัด ผมงานยุ่งมาก ขับรถตลอด จนพอใกล้เวลานัดผมจึงได้เปิดอ่านไลน์ "หนูถึงแล้วนะคะ" เอ้ยนี่มันก่อนเวลานัดตั้งเป็นชั่วโมง ผมตกใจเลยรีบขับรถออกไป ผมอ่ะไปทันตามเวลานัด แต่น้องสิมานั่งรอตั้งเกือบสองชั่วโมง ระหว่างเดินไปหาน้องนี่ผมตื่นเต้นมาก ทั้งเกรงใจ ทั้งตื่นเต้น ปนๆกันไปหมด ร้านที่นัดเจอมีคนนั่งอยู่เต็มร้าน ผมกวาดตาไปมองจึงเห็นผู้หญิงคนนึงในชุด........ นั่งเขียนอะไรซักอย่างอยู่ ผมมั่นใจว่าต้องใช่เธอ แต่ตอนนี้ความตื่นเต้นของผมมากกว่าเดิม เพราะมันไม่ใช่ความตื่นเต้นเรื่องหน้าตาที่ผมไม่เคยเห็นของน้องแต่มันถูกแทนที่ด้วยความตื่นเต้นที่กำลังจะได้พูดคุยกับคนที่หน้าตาน่ารักมาก หากใครเห็นผมตอนนั้นคงแอบขำ คนบ้าอะไรยืนนิ่งอยู่หน้าร้านและยิ้มคนเดียว ว่าแล้วผมก้อเดินเข้าไปทักน้อง น้องเงยหน้าขึ้นมามองผมและยิ้มบางๆ ใช่แล้วครับยิ้มของเธอมันบางๆปนอาการไม่พอใจนิดๆและท่าทางหยิ่งๆ ออกแนวคุณหนูมากมาย จนผมเผลอขออณุญาตินั่งกันเลยทีเดียว
ผมนั่งลงไป เธอยังก้มหน้าเขียนอะไรของเธอต่อไป ผมไม่ได้เร่งเร้าอะไรในการเปิดฉากสนทนา ในเวลานั้นผมกำลังล่องลองไปกับการได้ดู เด็กผู้หญิงคนนึงที่มีผมยาวสวย กำลังตั้งใจเขียนอะไรบางอย่าง มองลงไปในสิ่งที่เธอเขียน ตัวหนังสือที่เขียนออกมาน่ารักสไตล์เด็กวัยรุ่น แต่เป็นระเบียบ และเรียงตัวกันอย่างมากมายราวกับเขียนมันมาได้ซักพักนึงแล้ว ที่สำคัญในหน้าเดียวกลับมีตัวอักษรหลากสีสัน ผมละสายตาไปมองในอุปกรณ์การเขียนของเธอ ...........นี่มันร้านเครื่องเขียนเล็กๆชัดๆ "พี่คะ........" คำพูดเปิดประโยคของเธอพร้อมท่าทางการปิดสมุดและเก็บอุปกรณ์การเขียนของเธอ ทำผมหลุดจากภวังค์ เมื่อได้สติผมจึงพบว่า สาวน้อยคนนี้สวยจริงสวยจังแบบใสๆไม่แต่งอะไรที่สำคัญบุคลิกของเธอ ขอเน้นย้ำว่าบุคลิกนะครับ คุณหนูมาก และเป็นระเบียบมาก ไล่ตั้งแต่การแต่งตัวจนท่าทาง ผมได้แค่คิดในใจว่า "นี่งัย การตัดสินใจวันนี้ที่แหกข้อจำกัดของตัวเอง มันคุ้มจริงๆ" บอกตรงๆตอนนั้นผมไม่ได้คิดถึงเรื่องงานอะไรเลย เพราะแค่ได้นั่งคุยกับเธอก้อเป็นการปล่อยเวลาไปกับอารมณ์ที่ดีที่สุดในตอนนั้นจริงๆ
"ครับ รอนานมั้ยครับ" เธอก้มดูนาฬิกาแล้วพูดด้วยท่าทางเรียบเฉย "ก็เกือบสองชั่วโมงค่ะ" โอยคำพูดมันเรียบ สั้น แต่ทิ้มแทงความรู้สึกชนิด ปั้นหน้ารับแทบไม่ถูก พลันดึงสติกลับมา "เอ้ย เราไม่ผิดนะ เรามาตามเวลานัดเป้ะ ทำไมเราต้องรู้สึกผิดด้วย" ไม่ทันซะแล้ว "ขอโทษครับ" คำพูดนี้ออกจากปากผมไปแบบไม่ลังเล เธอได้ฟังก้อเฉยๆ กลับทำท่าทางยิ้มมุมปาก "ไม่เป็นไรค่ะ พี่ก้อมาตามเวลานัด" ทำอะไรไม่ถูกได้แต่คว้าแก้วน้ำมาดังเฮือกใหญ๋ๆ หลังจากนั้นผมก้อเริ่มชวนเธอคุย เป็นงัยทำอะไรมาก่อนหน้านี้ เธอก้อเล่าให้ฟังว่าเธอเพิ่งเรียนเสร็จ เมื่อกี้ก้อนั่งสรุปที่เรียนมา บทสนทนาเราเริ่มต่อกันไปได้ แต่มันออกแนวเหมือน บ่าวผู้รับใช้กำลังคุยกับคุณหนูยังงัยยังงั้น "ไม่ได้การละ ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป น่าจะเล่นบทนี้กันไปจนจบแน่ๆ" ความคิดในใจมันตะโกนเตือนตัวเอง จึงพยายามดึงบทสนทนาของน้องเข้าสู่โลกของการรับงาน เธอก็ตอบด้วยอาการเรียบเฉย "หนูไม่สนใจเรื่องเงินนะคะ หนูเหงา อยากได้คนคุยที่โอเค " เธอน่าจะตอบมาประมาณนี้ ทำเอาผมไปต่อไม่ถูกน้ำไปอีกเฮือกใหญ่ๆ จนแล้งจนรอดก้อไม่ได้คุยเรื่องงาน รู้แต่ว่าเราคุยกันสนุก เธอยิ้มให้เห็นบ่อยๆ แต่ท่าทางก้อยังเหมือนเดิมออกแนว คุณหนูมากมาย ผมสังเกตเห็นแววตาของหลายๆคนในร้านกำลังชำเลืองมองคู่สนทนาของผมอยู่บ่อยๆ ว่าแล้วเมื่ออยากจะเลื่อนบทจากบ่าวรับใช้มาเป็นองครักที่ภักดีจึงเอ่ยปากออกไปว่า "เราเปลี่ยนที่คุยกันมั้ยคะ......" เธอทำตาโต และทำสีหน้าเหมือนตกใจเล็กๆ แต่ยังคุมอาการอยู่ ก่อนที่เธอจะตอบปฏิเสธ ผมรีบตัดบทออกไปว่า "ไปนั่งคุยในรถเฉยๆครับ พี่จอไว้ใกล้ๆนี้เอง" หน้าตาจากที่เธอกำลังจะตอบปฏิเสธ ตอนนี้สีหน้าเริ่มลังเล จนในที่สุดเธอก้อพยักหน้า ว่าแล้วผมก้อดึงคุณหนูคนนั้นออกจากร้าน ท่ามกลางสายตาของตัวประกอบฉากหลายคู่ที่ผมรู้เลยว่ากำลังเสียดาย อิอิ แบบตอนนั้นโอบโชว์ได้นี่ผมทำไปแล้ว อิอิอิ
ตัดมาที่รถ "หนูก้อจอดรถไว้ชั้นถัดจากพี่เลย" เอ เธอ มีรถด้วยเหรอ เด็กสมัยนี้ขับรถไปเรียนด้วยเหรอ สมัยผมยังนั่งรถเมล์อยู่เลย หรือจะเป็นเด็กเสี่ยเนี่ย ความคิดวนไปวนมา แต่พอเริ่มคุยกับเธอต่อในรถ ความคิดพวกนี้ก้อหายไป เวลาผ่านไปซักพัก ผมเริ่มดึงเสียงหัวเราะของเธออกมาได้ แต่ก้อยังดูออกแนวหยิ่งๆ ชอบกล หากนึกภาพไม่ออกลองนึกถึงผู้หญิงที่เวลาจะหัวเราะแล้วมักจะเอามือมาปิดปากแบบเป็นธรรมชาติ ภายในบทสนทนาผมพบว่าเธอทำงานมาหลายแบบส่งนใหญ่อยู่ในวงการบันเทิง แต่เอาจริงๆผมไม่ค่อยเชื่ออะไรนะ แบบประมาณคนทำงานแบบนั้นจะมานัดกับผมในเว็บนี้ทำไม แต่ก้อเออๆออๆตามเธอไป เมื่อได้เวลาที่ผมเห็นว่าปล่อยไปนานกว่านี้บทองครักษ์ของผมได้เปลี่ยนเป็นบทเพื่อนสนิทแน่ๆ เลยรีบชวนเธอไปต่อ คราวนี้ไม่มีแม้แต่สีหน้าให้ผมสังเกต เธอตอบสวนแบบเรียบง่าย "ไม่ไปนะคะ" พร้อมรอยยิ้มกระชากใจเหมือนผู้ชนะ พร้อมกับการน้ำในมือแบบไม่สนใจคู่สนทนา อึ้งๆครับ ผมยังไม่เคยโดนน้องปฏิเสธเลยอึ้งไปเลย ไปต่อไม่ถูก แต่ปัจจุบันผมไปต่อถูกนะครับ เริ่มเจอเคสปฏิเสธงานมาบ้าง หากผมเจอแบบนี้ตอนนี้ผมยิ้มได้ครับคุยต่อได้ แต่บอกตรงๆตอนนั้นแรกมันออกแนวหน้าชาๆ คำถามมากมายหลุดจากปากผมซึ่งวนๆเวียนๆอยู่กับคำว่าทำไม ................
*************เดี๋ยวค่อยมาต่อนะครับ ขอเวลาไประลึกความทรงจำหน่อยครับ เพราะบทสนทนาทุกอย่างในไลน์ผมลบไปหมดแล้วที่พิมออกมาจุงเป็นความรู้สึกและความทรงจำล้วนๆ อาจมีเพี้ยนไปบ้างแต่รับรองว่าไม่หนีจากความจริงครับ********************