ผู้เขียน หัวข้อ: การบ้านไตรภาค........บทแรกรู้จัก..........”ตัวอักษรและถ้อยคำ”  (อ่าน 1844 ครั้ง)

mzazaza2015

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 278
  • People Like This 103
 **36** การบ้านไตรภาค........บทแรกรู้จัก..........”ตัวอักษรและถ้อยคำ”

(ถ้าเปิดเสียงได้ลองอ่านคลอไปกับเพลงที่ต้นเรื่องเค้าชอบนะครับ https://www.youtube.com/watch?v=mXZ8-yJUpfw)

        การบ้านของผมฉบับนี้เริ่มต้นจากคำว่า “เอ่อ รับเพื่อนเที่ยวไหมคะ” มันคงเป็นการเริ่มต้นบทสนทนาที่ไม่น่าสนใจอะไรนักสำหรับตัวผมเอง แต่พร้อมกับที่ผมจะอ่านข้อความผมมองไปเห็นถึงภาพโปรไฟล์ของเจ้าของบททักทายที่ทำเอาผมหยุด..... ผมหยุดมองมันอยู่นานก่อนที่จะพิมพ์คำตอบไปหาเธอคนนั้น ผมเลือกที่จะแสดงความรู้สึกต่อภาพของเธอแทนการตอบคำถาม ผมตอบไปสั้นๆว่า “รูปอารทมากเลยครับ” ใครจะรู้ว่าคำตอบของผมส่งผลต่อการตัดสินใจของเธอ

        หลังจากบทพูดของเราสองคนที่แสนสั้น ผมเริ่มเปิดฉากสนทนาแบบที่อยากรู้จักตัวเธอมากกว่าที่จะตอบคำถามของเธอที่ฝากไว้ตั้งแต่แรก เราคุยกันจนเธอคงลืมคำถามของตัวเองในตอนแรกไปแล้ว ระหว่างบทสนทนาผมมักจะเห็นเธอพิมพ์ “5555” มาเป็นระยะๆ มันทำให้ผมเดานิสัยเธอไปก่อนว่าน่าจะเป็นคนขี้อาย ไม่ก้อไม่สันทัดกับการคุยกับเพศตรงข้าม ไม่ก้อเธออาจจะไม่รู้จะพิมพ์อะไรออกมา แต่นั่นแหล่ะเมื่อได้รู้จักตัวเธอ ผมพบว่าที่ผมเดาเกี่ยวกับตัวเธอนั้นไม่ค่อยถูกซักเท่าไหร่ ผมเริ่มเปิดฉากรุกเธอบ้างที่ด้วยคำถามประจำที่ว่า “หนูเคยอ่านการบ้านพี่ป่าวครับ” เธอพิมมาอย่างรวดเร็วแบบไม่ทันหายใจ “ค่ะ เลยแอดมา” “หนูขอหวานๆไม่แรงนะคะ” ผมก้อตอบไปทันทีเช่นเดียวกัน “งานหวานสุดของพี่ก้อเหมือนการบ้านที่หนูอ่านเลยครับ” แทนที่เธอจะตอบมาว่าโอเค เธอกลับพูดมาว่า “เอ่อ มันมีนิดเดียว” ผมคิดในใจนี่เราเขียนการบ้านสั้นเหรอเนี่ย (มีแต่คนบ่นว่ายาว พิมพ์อะไรมายืดยาว) ความสงสัยนั้นยังอยู่ในใจ แต่ผมก้อพิมพ์ขอรูปเธอไป เธอส่งมาหลายรูป บอกตรงๆ ผมค่อนข้างตกใจ ความมั่นใจที่เคยมีมันลดลงไปตอนไหนบอกไม่ได้เลย ไม่รู้อะไรดลใจให้ต้องพิมพ์ออกไปว่า “เอ่อ พี่แนะนำว่าลองเจอกันก่อนถ้าหนูโอเคกับพี่ ค่อยรับงาน” คือเมื่อเห็นรูป และทราบข้อมูลของเธอ มันทำเอาผมค่อนข้างสนใจ ไม่สิ ผมว่าผู้ชายส่วนใหญ่ก้อต้องสนใจแหล่ะ ตาโต น่ารัก แก้มป่อง สูงแบบนางแบบ หน้าใสๆ และหลังจากผมทราบข้อมูลเธอผมต้องรีบส่งข้อมูลส่วนสูงของตัวเองส่งไปทันทีเพื่อดูว่าเธอจะโอเคมั้ยเพราะเราสูงใกล้เคียงกันมาก บางทีมันอาจจะมากเกินไปสำหรับผู้หญิงบางคน มันน่าแปลกมากที่เธอโอเคและขอนัดเจอตอนนี้ทันที ผมไม่สะดวกเลย แต่ตอนนี้ความสนใจในตัวเธอของผมลดลงไป มันคงเหมือนหนังสือที่เริ่มเปิดอ่านแล้ว เดาคำตอบไปได้แล้ว แต่ที่ไหนได้ที่ผมเดามันผิดหมด เราคุยกันอีกนิดหน่อย ผมรู้สึกแปลกๆ มันแปลกจนผมต้องขอโทรคุยกับเธอ

       “สวัสดีครับ”….... “สวัสดีค่ะ” แล้วก้อบลาๆ คุยไปเรื่อยเปื่อย เวลาไถลไปเกือบชั่วโมง สายหลุดแล้วหลุดอีก แต่ผมก้อต่อไปแล้วต่อไปอีก สุดท้ายข้อข้องใจบางส่วนผมก้อโดนไขออกมา ………เธอคนนี้ใหม่ และไม่รู้เรื่องอะไรเลย แบบไม่รู้แม้แต่การบ้านคืออะไร เธอเข้าใจว่าที่ผมโพสหางานนั่นแหล่ะคือการบ้าน มิน่าเธอถึงบอกว่ามันมีนิดเดียว เหตุที่ทำให้เธอต้องมาเล่นเว็บนั้นไม่ใช่เรื่องเงิน แต่เพราะเธอมาเที่ยวต่างถิ่น ไม่มีใคร เหงา และไม่รู้จะทำอะไร เธอแค่อยากหาใครซักคนที่จะพูดคุยเพื่อให้เวลาที่เธอรู้สึกอ้างว้างมันผ่านเธอไปโดยเร็ว ผมว่าผมทำหน้าที่ได้ไม่เลวในการทำให้เธอผ่านพ้นช่วงเวลานั้นไปได้ แต่ผมไม่สามารถเจอเธอได้จริงๆ ในใจผมได้แต่นึกว่า ผู้ชายคนไหนในเว็บนะที่จะเป็นผู้โชคดีได้เจอน้องคนนี้ก่อนที่เธอจะบินไปยังที่ๆเธอจากมา ใจนึงก้อเป็นห่วง ใจนึงก้อออกแนวหวงๆ แต่ด้วยภาระหน้าที่ผมก้อเป็นผู้ชายคนนั้นไม่ได้อยู่ดี ครั้นจะไปบังคับให้เธออย่าไปเจอใครมันก้อดูเป็นผู้ชายเห็นแก่ตัว ผมก้อได้แต่พูดคุยคลายเหงาให้เธอ และไม่ได้พูดอะไรต่อถึงเรื่องการรับงานในเว็บ ผมปล่อยให้เธอหาวิธีจัดการกับความรู้สึกของเธอด้วยตัวเองนั่นเป็นสิ่งที่ผมคิดว่าผมควรจะทำมากกว่า

      ผมพูดคุยกับเธอตลอดเวลาที่เธออยู่กรุงเทพ เธอทำให้ผมยิ้มได้ตลอดๆ ในขณะที่ผมก้อแอบหวั่นๆว่าจะมีใครมารับหน้าที่แทนผมเพราะผมไม่ว่างเลยจริงๆ ทำได้แค่หมั่นพูดคุยกับเธอเท่านั้นเอง สำหรับเธอบางครั้งเธอก้อดูน่าแกล้ง ผมมักจะชอบบอกให้เธอทำโน่นทำนี่ พูดอาจจะไม่เห็นภาพ แต่ลองได้ฟังประโยคที่เธอพูดกับผมก้อจะเข้าใจได้ว่าผมให้เธอทำอะไรมากมายขนาดไหน หลังจากเธอทำโน่นทำนี่แบบน่ารักๆตามที่ผมขอ เธอเปรยออกมาว่า “หนูว่าพี่เป็นเอามากนะ แต่คนทำตามที่พี่ขอแบบหนูนี่น่าจะเป็นมากกว่า” ผมยังจำได้ก่อนที่เธอจะบิน เธอส่งคลิปไร้เสียง โดยเธอบอกให้ผมอ่านปากเธอเอาเองว่าเธอรู้สึกยังงัย ตลอดเวลาที่เราคุยกัน …………อืม ผมขอเปลี่ยนความคิดดีกว่า เธอไม่ใช่เด็กใสๆอย่างที่ผมคิดเลย เธอเป็นผู้หญิงที่มีสเน่ห์มากมายเลยทีเดียว



         ในที่สุดเธอก้อกลับไปที่ๆเธอจากมา มันไกลจากกรุงเทพค่อนข้างมาก ผมได้คุยกับเธออีกครั้ง และได้ถามคำถามที่ผมไม่กล้าถามตอนที่เธออยู่ที่นี่ออกไป “สรุปหนูได้เจอใครรึป่าวตอนที่อยู่ที่กรุงเทพ” เธอแอบหัวเราะเบาๆ “ไม่ได้เจอค่ะพี่” ผมรู้สึกโล่งใจ เอทำไมต้องรู้สึกแบบนี้ มันดูไม่ดีเลยแฮะ ก้อได้แต่ถามตัวเองว่าทำไมต้องรู้สึกแบบนั้น หลังจากนั้นผมก้อยังคุยกับเธอ และไม่วายจะชอบขอให้เธอทำโน่นทำนี่ จนเธอพูดขึ้นมาประมาณว่า “ไม่เห็นจะยุติธรรมเลย พี่ให้หนูทำโน่นทำนี่ ให้ร้องเพลง ให้เต้น แต่แม้แต่หน้าพี่หนูยังไม่เคยได้เห็นเลย” หลังจากนั้นเธอก้อจะออกอาการดื้อๆเป็นระยะๆ แต่ก้อไม่ยากสำหรับเด็กชอบกินขนมอย่างเธอ ผมก้อเอาขนมมาแทนคำง้อเสมอๆ และก้อสำเร็จเสมอ จนเธอบอกว่า “นี่พี่เห็นหนูเป็นคนเห็นแก่กินรึยังงัย” ผมก้อได้แต่หัวเราะ และด้วยความที่เราไกลกันมาก ผมก้อได้แต่เก็บขนมเหล่านั้นไว้ เพราะมันคงไม่ดีเลยถ้าผมจะขอให้เธอบินมาหาผม ผมควรจะบินไปหาเธอมากกว่า แต่ผมก้อทำไม่ได้ มันจึงเป็นการสนทนาที่ไม่กล้าคิดถึงโอกาสที่จะได้พบกัน แต่เราสองคนก้อยังพูดคุยกันอยู่บ่อยๆ เราคุยกันนานพอที่เธอจะขนรูปพร้อมเรื่องเล่าตั้งแต่มัธยมยันมหาลัยมาถ่ายทอดให้ผมได้รู้สึกและมันทำให้เหมือนผมอยู่กับเธอในทั้งสองช่วงชีวิตของเธอ สำหรับคำถามที่ว่าเธอสวยมั้ยอันนั้นตัดออกไปได้ “เธอสวยครับ” ผมพูดได้เต็มปากเต็มคำ แต่ที่เหนือกว่านั้นบรรดาแฟนเก่าของเธอในอดีตนี่ก้อหล่อซะแบบหล่อมาก ส่วนผมเองเมื่อมองกระจกก้อได้แต่อมยิ้มว่า “แหะๆ คนแก่คนนี้ก้อทำให้ คนสวยของหนุ่มๆเหล่านี้ยิ้มได้นะ” คิดได้แค่นี้ก้อรู้สึกอิอิ เหมือนเป็นผู้ชนะยังงัยยังงั้น

        “หนูจะไปกรุงเทพนะ”……………คำนี้มันก้องและสะท้อนในหูผมอยู่หลายวินาที มันเหมือนจะงงๆ ตอนนั้นได้แต่คิดว่า “เธอคงมีธุระที่จะต้องมาทำต่อที่กรุงเทพ” คิดได้แบบนั้นก้อเผลอยิ้มออกมาไม่รู้ตัว แต่มันไม่จบแค่นั้น “พี่ว่างวันไหน ช่วงเวลาไหนบ้าง” สติผมหลุดลอยนิดๆ “หืม เธอถามแบบนี้รึว่า….” ยังไม่ทันจะพูดอะไรออกไป มันเหมือนโดนลูบหัวไปมาซ้ายทีขวาทีพอได้เคลิบเคลิ้มว่าแล้วบทสรุปก้อออกมาอย่างรวดเร็วไม่ต้องตัดบทรอชมตอนต่อไปเหมือนละครไทย “พี่ว่างวันไหนบอกมา หนูจะลงไปหาพี่ พี่เจอหนูได้มั้ย” คราวนี้ไม่ใช่แค่ยิ้มแต่ผมออกแนวตกใจ แต่ก้อตอบออกไปแบบสั่นๆนิดๆว่า “พี่ไม่แน่ใจเลย” ใช่แล้วฟังไม่ผิด ผมมันคนโง่จริงๆที่ตอบออกไปแบบนั้น แต่เอาจริงๆมันดูไม่โอเคนะที่จะให้ผู้หญิงซักคนเดินทางมาไกลขนาดนั้นเพียงเพื่อจะมาเจอผม ผมก้อได้แต่คิดวนไปวนไปอยู่ในหัว เธอตอบมาแบบแมนๆว่า “พี่รู้เมื่อไหร่บอกหนูละกัน หนูจะได้จองตั๋ว” เฮ้อ เด็กน้อยไม่เข้าใจความรู้สึกคนแกเล้ย หลังจากนั้นเราก้อคุยกันมาเรื่อยๆ โดยผมก้อเลี่ยงยังไม่ให้คำตอบกับเธอ แต่อีกคำถามที่เธอพูดกับผมบ่อยมากคือ “ทำไมพี่ไม่เปิดข้อมูลพี่ให้หนูรู้เลย หนูควรจะกลัวพี่มั้ยเนี่ย” ผมก้อได้แต่กังวลกลัวเธอจะเบื่อผมไปเสียก่อน แต่คำพูดของเธอในหลายๆครั้งทำเอาผมเดาไปว่าเธอยังไม่เบื่อผม เช่น “ทำไมคุยกะพี่แล้วหนูไม่ค่อยง่วงเลย” สิ่งที่ผมให้เธอได้กลับเป็นคำพูดว่า “อยากคุยบ่อยๆนะแต่บางทีก้อทำไม่ได้” เอาตรงๆถ้าเธอจะตัดบทไม่คุยกับผมต่อไปผมก้อคงไม่โกรธเธอนะ





        หลังจากนั้นผมก้อได้ไปอ่านการบ้านฉบับนึง ที่มีน้องบ่นถึงพี่คนนึงที่เธอยังไม่เคยแม้แต่เห็นหน้า ผมอ่านไปอ่านมาไม่รู้ทำไมนึกถึงแต่เธอ แต่เธอบอกผมว่าเธอไม่มียูสและไม่เล่นเว็บแล้ว ผมจึงทำได้แต่ไปบ่นให้เธอฟัง วันนั้นเราคุยกันหลายเรื่อง จนก่อนจะเลิกคุยกันเธอพูดออกมาเบาๆประมาณว่า “วันนี้สิ่งที่พี่คิดมันจริงเกือบหมดเลยนะ” แต่ด้วยความที่ผมคุยกับเธอเยอะมาก ผมจึงละเลยที่จะคิดว่าการบ้านฉบับนั้นเป็นเธอเองที่เขียนระบายความรู้สึกของตัวเอง ในเวลาต่อๆมาผมกะเธอก้อคุยกันมาตลอด เธอเคยบอกผมว่า “แม้แต่พิมก็ยิ้มอะ5555” จนในที่สุดเธอก้อทวงคำตอบจากผมอีกครั้ง “วันไหนที่พี่ว่างทั้งวัน หรือมีเวลาเยอะๆบ้าง” แต่คราวนี้ผมไม่ลังเลและได้ตอบกับเธอไปตามตรง จนเราก็นัดกันจนได้ ยิ่งคุยกันไปมันเหมือนเธอเข้าใจในตัวผมมากขึ้น ไม่ว่าจะนิสัย และข้อจำกัดต่างๆ จนบางครั้งผมกลับรู้สึกว่าผมเองซะอีกที่ออกลูกงอแงกับเธอคนนี้ คิดแล้วก้อขำตัวเองดีเหมือนกัน เราคุยกันจนมาถึงบทที่เธอพูดกับผมว่า “ตลอดเวลาที่เจอกันพี่อย่าให้เงินหนูนะ อย่างน้อยหนูก็กอดกับคนที่หนูรู้สึก ด้วยความรู้สึก ไม่ใช่ผลตอบแทน” ผมอึ้งๆไป แต่ก้อรู้สึกดีที่เธอรู้สึกแบบนั้น มันรู้สึกดีมากจริงๆ อ่านมาถึงตรงนี้หลายๆคนคงนึกว่าไอคนเขียนนี่มันต้องหล่อมากๆแน่ๆ บอกก่อนจินตนากรไปไกลเลยครับ ว่าไม่เลยคร้าบ ธรรมดามาก และผมพยายามอย่างมากที่จะบอกเธอคนนี้ เพราะมันคงรู้สึกแย่แน่ๆ ถ้าเธอต้องเดินทางมาไกลขนาดนั้นแล้ว เมื่อได้เจอกันเธอผิดหวัง ผมคงเดาความผิดหวังของเธอไม่ออก แต่ผมพอจะเดาความรู้สึกตัวเองตอนเห็นสีหน้าแห่งความผิดหวังของเธอออกมาได้ มันคงแย่มากแน่ๆ

        แล้ววันนึงผมก้อดันถามคำถามบางอย่างออกไป “หนูคุยกะพี่คนอื่นในเว็บบ้างรึป่าว” คือเอาจริงๆผมถามเล่นๆเพราะไม่รู้จะคุยอะไร แต่คำพูดตะกุกตะกักของเธอทำให้ผมรู้ว่าเธอคุยมาแน่ๆ แต่นั่นแหล่ะ ผมไม่ใช่เจ้าของเธอผมท่องแบบนี้ไว้เสมอๆ ผมจึงบอกเธออกไปว่า “ไม่เห็นเป็นไรเลย ว่าแต่เล่าได้มั้ยว่าคุยอะไร” สิ่งที่เธอเล่ามาเอาจริงๆผมค่อนข้างตกใจ และวิตกกังวลนิดๆ ทำไมน่ะเหรอ ก้อเธอคนนี้ไปแอดคุยกับน้องที่เคยเขียนถึงผม และแอดไปคุยกับพี่ๆคนอื่นในเว็บแล้วถามถึงผม ผมตกใจนิดหน่อย แต่ก้อพูดกับเธอออกไปว่า “มีอะไรถามพี่ตรงๆก้อได้นะ ไม่ต้องถามจากคนอื่นหรอก” เธอได้แต่บอกขอโทษ ผมไม่ได้ว่าอะไร แต่ผมแค่บอกว่าไหนลองเล่ามาหน่อย ตลอดเวลาที่เธอเล่ามา ผมไม่ตอบอะไร ผมรอจนเธอเล่าจนหมด แล้วถามเธอไปว่า “หนูยังอยากเจอพี่อยู่มั้ย” ทำไมผมต้องถามแบบนี้น่ะเหรอ เพราะข้อมูลที่เธอได้มีทั้งตรงและไม่ตรง ไอตรงอ่ะไม่เท่าไหร่ แต่ไม่ตรงนี่ออกแนวผมเป็นพวกนิสัยไม่ดีหลอกลวงไม่จ่ายเงินอะไรประมาณนั้น แต่ผมไม่ได้โกรธอะไรนะ ผมคิดในใจว่าดีซะอีก จะได้รู้ไปว่าเด็กคนนี้จะว่ายังงัยกับการเจอกันครั้งนี้ ไม่มีคำตอบออกมาจากปากเธอในทันที ผมจึงถามเธอต่อไปว่า “ทำไมเราต้องทำขนาดนี้อ่ะ ไม่เหนื่อยเหรอ” คราวนี้เธอตอบผมกลับมา “หนูแค่สับสน บางครั้งหนูก็กลัว บางครั้งหนูก็คิดว่าหนูกำลังทำอะไรอยู่” สุดท้ายเธอก้อหัวเราะเบาๆแล้วตอบออกมาว่า “หนูไปเจอพี่สิ ถ้าหนูไม่ไปนี่หนูคงพลาดอะไรไปแน่ๆ อย่างน้อยมันคงคาใจอ่ะ” ผมเลยถามว่าทำไม เธอบอกว่าตอนนี้หนูนะสนิทกับน้องที่พี่เคยเจอแล้วนะ พี่เค้าน่ารักมากเค้าบอกว่า “เจอพี่ได้พี่สุภาพ ที่เหลือว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก้ออยู่ที่หนูไม่ใช่พี่เค้า แต่ถ้าหนูไม่โอเคกับพี่เค้า ก้อโทรมาบอกพี่เดี๋ยวพี่ไปรับเอง” เธอพูดไปหัวเราะไปอย่างมีความสุข แถมเธอบอกกับผมอีกว่า “หนูนัดพี่เค้าเที่ยวด้วยนะ คืนที่พี่ไม่สะดวกอ่ะ พี่เค้าจะพาไปเที่ยวล่ะ” เอตอนนี้ผมชักงงๆ เดี๋ยวนะนี่น้องสองคนที่ผมเคยเจอและกำลังจะเจอ นัดกันไปเที่ยวกันเองเนี่ยนะ “อืม มันควรจะดีใจหรือเสียใจเนี่ย”

         หลังจากวันนั้น ผมรู้สึกได้ว่ายิ่งใกล้เวลาที่เราจะได้เจอกัน มันสัมผัสได้ถึงความรู้สึก ตื่นเต้น กังวล ลังเล ผมว่าผมสัมผัสความรู้สึกนี้ของเธอ วนไป วนมา อยู่ทุกวัน บาวครั้งเธออ้างว่าเป็นโรคของผู้หญิงบ้างล่ะ เป็นโน่นบ้างล่ะ เป็นนี่บ้างล่ะ จนวันนึงผมต้องพูดออกไปว่า “หนู ฟังพี่ดีๆนะ สิ่งที่หนูกำลังทำมันเป็นแค่การสร้างความทรงจำที่ดี แต่มันจะเป็นไปไม่ได้เลยถ้าหนูฝืนที่จะทำมัน ถ้าหนูรู้สึกไม่โอเค ไม่ต้องทำมันนะ เราเป็นเพื่อนคุยกันแบบนี้ก้อได้” ถ้าตัดคำตอบกวนๆของเธออกไป พอจะสรุปได้ว่า “หนูยังอยากเจอพี่นะ” ผมก้อเลยต้องพูดติดตลกกลบเกลื่อนความไม่มั่นใจในตัวผมเองไปว่า “ถ้าหนูเจอพี่แล้วไม่โอเค พี่ขอแค่เดินเข้ามากอดพี่เบาๆซักครั้งนึงก้อพอนะ แล้วอยากปไหนก้อบอกมาพี่ไปส่งให้ได้นะ ไม่ต้องคิดมาก” แต่เอาจริงๆเหอะไอหลังคำพูดนี้อ่ะ คนพูดนี่แหละคิดมากสุดๆ มาถึงตอนนี้บทสรุปมันจะเป็นยังงัย มันจะมีตอนที่ 2 ให้ได้อ่านกันมั้ย ผมว่าผมยังยิ้มอยู่นะ แต่ถ้ามีตอนสองก้อดีนะ ผมคงยิ้มและจำมันได้ชัดเจนมากขึ้น เพราะมันจะไม่ใช่การจำผ่านตัวอักษรและการสนทนา แต่จะเป็นการจำผ่านการสบตาและสัมผัส มารอลุ้นกันนะครับว่าจะมีฉบับที่สองรึป่าว แต่ถ้าเธอคนนั้นอ่านอยู่ ผมอยากจะบอกว่า “ตัวอักษร และเสียงของคุณมันทำผมยิ้มได้มากมายจริงๆ”

ปล. ถ้ามีฉบับหน้ารูปน่าจะเป็นรูปที่ผมถ่ายเองนะคร้าบ  **36** 

kaptan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,505
  • People Like This 1734
     การบ้านน่าติดตามเช่นเคยครับ ผมว่าผมเดาได้ว่าน้องคนนี้คือใคร....
ผมว่าน้องเป็นคนน่ารัก ฉลาด เรียนดี และมีเสน่ห์ ( ขนาดที่ว่าผมยังไม่เคยเจอ )
น้องมาถามถึงท่าน ผมก็ตอบไปตามที่ผมทราบว่าท่าน โรแมนติก นิสัยดี และไว้ใจได้
ยินดีมากๆ ครับที่น้องมาเจอท่าน และมีการบ้านน่ารักๆ แบบนี้ รออ่านภาค 2 ครับ
ถ้าคุณน่ารัก จริงใจ คุณคือเป้าหมายของเรา

mzazaza2015

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 278
  • People Like This 103
     การบ้านน่าติดตามเช่นเคยครับ ผมว่าผมเดาได้ว่าน้องคนนี้คือใคร....
ผมว่าน้องเป็นคนน่ารัก ฉลาด เรียนดี และมีเสน่ห์ ( ขนาดที่ว่าผมยังไม่เคยเจอ )
น้องมาถามถึงท่าน ผมก็ตอบไปตามที่ผมทราบว่าท่าน โรแมนติก นิสัยดี และไว้ใจได้
ยินดีมากๆ ครับที่น้องมาเจอท่าน และมีการบ้านน่ารักๆ แบบนี้ รออ่านภาค 2 ครับ

 **36** ขอบคุณมากคร้าบพี่กัปตัน ผมก้อหวังว่าจะมีการบ้านฉบับที่ 2 ครับ แล้วจะมาเขียนต่อนะครับ  **36**

play-ground

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 423
  • People Like This 124
ไม่ค่อยมีปลากรอบ เม้นไม่ค่อยออกอ่าครับ
 **25**
เท่าที่อ่าน น้องน่ารักครับ
 **39**