ผู้เขียน หัวข้อ: ดอกเบี้ย ติดดิน พี่ๆส่วนใหญ่ เอาเงินไปออม หรือ ลงทุนกันอย่างไร  (อ่าน 3945 ครั้ง)

Konba501

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 306
  • People Like This 78
ตามที่ จขกท. โพสมา เล่นอะไรก็โดน ติดดอยตลอด ถือว่าไม่ถนัด
ไม่ควรเล่นอะไรที่มีความเสี่ยง เพราะไม่มีข้อมูล แต่ถ้าชอบความเสี่ยง เล่นหุ้นเลยครับ
ช่วงนี้ไฟกำลังแรงโหมกระพือ เตรียมเผาแมงเม่า หุหุ

ถ้าความเสี่ยงต่ำ ค่าตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ย ก็ต้องเลือกหากองทุน เหมาะ ๆ ซัก 1- 2 กอง

ถ้าความเสี่ยงเป็น 0 ค่าตอบแทนพอสมควร และยังมีลุ้นได้โชค ก็ต้องเลือกซื้อเหมือนเดิม ซื้อสลาก
แต่ต้องลงทุนซื้อทุกหน้า อาจจะต้นทุนสูงหน่อย แต่ชัวร์ ถูกแน่ ๆ ทุกงวด ฟลุ๊คๆ รวยเลย

ถ้าความเสี่ยงเป็น 0 เงินออม เลือกเฉพาะ ที่ไม่เสียภาษี จะได้ ธนาคารละ 1 บ/ช
ผลตอบแทนก็สูงกว่าออมทรัพย์และฝากประจำ

ค่าตอบแทนที่จะเห็นผล ต้องมีตัวเลขในการลงทุนที่ค่อนข้างสูง ลอง บวกลบคูณหารเอาครับ ขอให้โชคดี อิอิ ^___^

ขอบคุณครับพี่ จาก เม้าน้อย ใม่กลัวไฟ. อันนี้ล้อเล่น 555

Konba501

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 306
  • People Like This 78
    ลงทุนทางอื่นดอกผลไม่แน่นอน เอามาจ้างน้องๆ ในเวปเที่ยว ได้ความคุ้มค่ามากมายครับ

นึก่าในยามที่ยังไม่รู้จะเอางินไปทำให้มันงอกเงยยังไง ก็เอามาต่อยอดให้น้องๆ ที่ลำบากๆ ก่อน

เดี๋ยวก็ได้กุศลเจอช่่องทางที่ดีเองครับ

ผมแยกค่าใช้จ่ายชัดเจนครับพี่ อันใหนกินเที่ยว …… ก็ใช้จ่ายส่วนนั้นไป

อะไรที่ออม ลงทุน ก็แยกส่วนกัน  ปีนี้ก็ตามสภาพเศรษกิจ (ส่วนตัวแย่มากๆ)

กิน เที่ยว ใช้ ก็ลดลงตามอัตราส่วน ของรายได้ที่ได้รับ อย่าให้ กินเที่ยว…… ไปยุ่งกับเงินออมเลย
เห็นด้วยครับ...แยกเงินต้องชัดเจน..
1"เงินเสเพล"ก็ไว้กินเที่ยว...ไม่ได้เป็นหุ่นยนต์ทำแต่งาน...ต้องสนุกสนานด้วย...
2 "เงินสร้างอนาคต"..ก็ต้องสร้างอนาคต...ไม่สร้างอนาคตก็ไม่มีอนาคต...

เอาเงินส่วนที่1มาหว่านล้วงสาวๆก็ไม่เป็นไร...หว่านโดนสวยบ้างเสียบ้างก็เป็นเรื่องปรกติ..
แต่ถ้าเอาส่วนที่2มาซื้อหญ้ากินจะกลายเป็นควายครับ...

 คนใทยหลายคนยังจัดการเรื่องการเงินยังใม่ค่อยดี

ส่วนตัวของผม ก็เพิ่งมารู้ตัวเมื่อตอนต้องไปยุ่งเกี่ยวกับบัญชี

และพอเอาหลักบัญชีมาจัดการการเงินถึงพอเห็นภาพ

ตอนนี้กำลังมองในส่วนของสเต็ปเอาเงินออมไปลงทุนให้มันงอกเงย

ปล.  หญ้ามันหวานพี่ บางครั้งก็อดใจใม่ค่อยใหวทานไปฟอนใหญ่ๆ 555

kokoneko

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 95
  • People Like This 18
ออลืม อีกอย่าง  อยากรวย ต้องขาย MAX NaNo

garybigg15

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 205
  • People Like This 75
ขอตอบนิดนะครับ  พอดีตัวเองเป็นคนลงทุนเหมือนกันครับ  เล็กๆน้อยๆ

ข้อแรก  ต้องแบ่งเงินครับ แยกเลยรายจ่ายประจำ  รายรับ  แล้วค่อยเอาเงินที่เหลือจากส่วนนี้มาลงทุน
โดยยึดคติ ต้องแบ่งเงินเป็นหลายๆกอง เพื่อกระจายความเสี่ยง ถ้าเกิดมันไม่ดี จะได้มีส่วนอื่นเหลือ  ส่วนการลงทุน เเน่นอนครับ การเล่นหุ้น คือ เสี่ยง 100% ถ้าอายุยังน้อย ผมเสี่ยง 80% เลยครับ  พออายุมากขึ้นก้อลดสัดส่วนหุ้นลงเหลือแค่ 40%  แล้วไปลงในพันธบัตร ตราสารหนี้ และกองทุน ตปท เลือกความเสี่ยงระดับ 4-5 พอ  ผลตอบแทนอาจได้น้อย  แต่ไม่เสี่ยง
อีกทางเลือกคือ หาหุ้นที่มีปันผลดีๆ สัก4-5% โดยเลือกค่อยๆเก็บไป ก็จะเป็นการลงทุนที่ มีผลตอบแทนดีกว่า ฝากธนาคาร ครับ

ปล  ผมก้อแบ่งเงินลงทุนเพื่ออนาคต กับเงินมาช่วยเหลือน้อยๆ นะครับ มันคนละกองกันเลย แยกชัดเจน

Konba501

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 306
  • People Like This 78
ออลืม อีกอย่าง  อยากรวย ต้องขาย MAX NaNo

555. อย่างนี้ต้องถามม พิทบลู อิอิ

Konba501

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 306
  • People Like This 78
ขอตอบนิดนะครับ  พอดีตัวเองเป็นคนลงทุนเหมือนกันครับ  เล็กๆน้อยๆ

ข้อแรก  ต้องแบ่งเงินครับ แยกเลยรายจ่ายประจำ  รายรับ  แล้วค่อยเอาเงินที่เหลือจากส่วนนี้มาลงทุน
โดยยึดคติ ต้องแบ่งเงินเป็นหลายๆกอง เพื่อกระจายความเสี่ยง ถ้าเกิดมันไม่ดี จะได้มีส่วนอื่นเหลือ  ส่วนการลงทุน เเน่นอนครับ การเล่นหุ้น คือ เสี่ยง 100% ถ้าอายุยังน้อย ผมเสี่ยง 80% เลยครับ  พออายุมากขึ้นก้อลดสัดส่วนหุ้นลงเหลือแค่ 40%  แล้วไปลงในพันธบัตร ตราสารหนี้ และกองทุน ตปท เลือกความเสี่ยงระดับ 4-5 พอ  ผลตอบแทนอาจได้น้อย  แต่ไม่เสี่ยง
อีกทางเลือกคือ หาหุ้นที่มีปันผลดีๆ สัก4-5% โดยเลือกค่อยๆเก็บไป ก็จะเป็นการลงทุนที่ มีผลตอบแทนดีกว่า ฝากธนาคาร ครับ

ปล  ผมก้อแบ่งเงินลงทุนเพื่ออนาคต กับเงินมาช่วยเหลือน้อยๆ นะครับ มันคนละกองกันเลย แยกชัดเจน

ใช่ครับพี่. ผมก็แบ่งเป็น เงินค่าใช้จ่าย ส่วนนี้ขึ้นกับรายรับ รับมากใช้มาก รับน้อยใช้น้อยตามส่วน

เงินออม เงินที่จะเก็บใว้ใช้นานๆ ใม่จำเป็นใม่เอามาใช้ หรือพูดง่ายๆเงินเย็น ส่วนนี้รับความเสี่ยงได้ต่ำ ก็ยังคงยึดแนวทาง สลาก ออมสิน หรือ ธกส ใม่งั้น ก็อาจจะหันไปเป็นพวก พันธบัตร แต่เท่าที่สังเกตุก็ผลตอบแทนจะได้พอๆกัน

ส่วนลงทุน. เงินส่วนนี้พร้อมเอาไปลงทุนในสิ่งที่ได้ผลตอบแทนดีและก้อนนี้ติดลบได้ เสี่ยงมากกว่าเงินออม ก็หวังจะได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินออม  เท่าที่เคยลงคือ ทองแท่ง ที่แปลงเล็กๆ ปล่อยเช่า ของสะสม แลกดอลล่า

ส่วนลงทุนนี่แหละครับ กำลังจะหาแนวทางว่ามีอะไรให้เล่น เท่าที่อ่านก็มีหุ้น กองทุน กำลังอยากจะลองส่วนนี้
ส่วนหุ้น vi เท่าที่ฟังคอนเซฟดี แต่พอลงไปในรายละเอียตจริงๆ ก็ยังงงอยู่ตัวใหนกันแน่ที่เป็นvi
ต่างกับธรรมดาตรงใหน ตอนนี้กำลังลังเลว่าจะไปเลือกกองสัก 2-3กอง หรือ เลือกกลุ่ม top 50
แล้วแยกเป็นหลายๆ กลุ่ม เช่น ธนาคาร อสังหา พลังงาน อะไรทำนองนี้ เลือกแต่ตัวใหญ่ๆมีปัญผล แล้วถือยาวหน่อย

garybigg15

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 205
  • People Like This 75
ขอตอบนิดนะครับ  พอดีตัวเองเป็นคนลงทุนเหมือนกันครับ  เล็กๆน้อยๆ

ข้อแรก  ต้องแบ่งเงินครับ แยกเลยรายจ่ายประจำ  รายรับ  แล้วค่อยเอาเงินที่เหลือจากส่วนนี้มาลงทุน
โดยยึดคติ ต้องแบ่งเงินเป็นหลายๆกอง เพื่อกระจายความเสี่ยง ถ้าเกิดมันไม่ดี จะได้มีส่วนอื่นเหลือ  ส่วนการลงทุน เเน่นอนครับ การเล่นหุ้น คือ เสี่ยง 100% ถ้าอายุยังน้อย ผมเสี่ยง 80% เลยครับ  พออายุมากขึ้นก้อลดสัดส่วนหุ้นลงเหลือแค่ 40%  แล้วไปลงในพันธบัตร ตราสารหนี้ และกองทุน ตปท เลือกความเสี่ยงระดับ 4-5 พอ  ผลตอบแทนอาจได้น้อย  แต่ไม่เสี่ยง
อีกทางเลือกคือ หาหุ้นที่มีปันผลดีๆ สัก4-5% โดยเลือกค่อยๆเก็บไป ก็จะเป็นการลงทุนที่ มีผลตอบแทนดีกว่า ฝากธนาคาร ครับ

ปล  ผมก้อแบ่งเงินลงทุนเพื่ออนาคต กับเงินมาช่วยเหลือน้อยๆ นะครับ มันคนละกองกันเลย แยกชัดเจน

jr2230

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 189
  • People Like This 103
หุ้นมีความเสี่ยงแต่ถ้าเข้าถูกตัวเสี่ยงน้อยมาก
การซื้อกองทุนก็เหมือนการจ้างคนอื่นที่เชี่ยวชาญและมีข้อมูลวงในและเพียบพร้อมด้วยเครื่องมือต่างๆมาเล่นหุ้นให้เรา อัตราตอบแทนจะถูกfixครับเพราะเขาหักค่าดำเนินการไปโดยเขาไม่ได้บอกเรา อย่างไรก็ตามมันมีความเสี่ยงเหมือนกันเหมือนปี40ที่คนซื้อกองทุนหมดตัวเช่นกัน

VI คือ การลงทุนหรือออมในหุ้นแบบหวังผลระยะยาวครับ คอยเก็บหุ้นที่มีพื้นฐานและมีอนาคตในราคาที่น่าเก็บแล้วถือนานและถ้ามีปันผลยิ่งโอเค
หุ้นที่ดังๆและดี มักให้ปันผลไม่มากเนื่องจากจะนำเงินส่วนใหญ่ไปลงทุนขยายกิจการ ส่วนจะมีโอกาสรวยแบบปี40หรือช่วงBrexitหรือตุลาคมปีที่แล้วนั้น นานๆเกิดครั้งต้องรอโอกาส

สำหรับวิธีที่ผมลงทุนนั้น คงไม่เรียกว่า VI คือ ผมจะพยายามถือเงินเย็นไว้ตลอดแล้วคอยส่องเลือกหุ้นที่มีปันผลสูงบวกกับเป็นหุ้นที่มีเงื่อนไขที่ผมกำหนดไว้ให้เหมาะกับสภาวะของตัวผมเองแล้วเฝ้ารอ (ตรงตัวอักษรสีน้ำเงินเป็นหัวใจของวิธีนี้) รอจนวันหนึ่งราคาลงในจุดที่ควรค่าที่จะเก็บก็เก็บแหลก จากนั้นเฝ้ารอราคาขึ้นเพื่อขาย ระหว่างรอมักได้ปันผลเป็นโบนัส ลงทุนแบบนี้ไม่มีวันขาดทุนมีแต่กำไรน้อยหรือมากขึ้นกับจังหวะและจำนวนเงินทุนที่ลงไป

ขอให้พบหนทางที่ดีนะครับ

Konba501

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 306
  • People Like This 78
หุ้นมีความเสี่ยงแต่ถ้าเข้าถูกตัวเสี่ยงน้อยมาก
การซื้อกองทุนก็เหมือนการจ้างคนอื่นที่เชี่ยวชาญและมีข้อมูลวงในและเพียบพร้อมด้วยเครื่องมือต่างๆมาเล่นหุ้นให้เรา อัตราตอบแทนจะถูกfixครับเพราะเขาหักค่าดำเนินการไปโดยเขาไม่ได้บอกเรา อย่างไรก็ตามมันมีความเสี่ยงเหมือนกันเหมือนปี40ที่คนซื้อกองทุนหมดตัวเช่นกัน

VI คือ การลงทุนหรือออมในหุ้นแบบหวังผลระยะยาวครับ คอยเก็บหุ้นที่มีพื้นฐานและมีอนาคตในราคาที่น่าเก็บแล้วถือนานและถ้ามีปันผลยิ่งโอเค
หุ้นที่ดังๆและดี มักให้ปันผลไม่มากเนื่องจากจะนำเงินส่วนใหญ่ไปลงทุนขยายกิจการ ส่วนจะมีโอกาสรวยแบบปี40หรือช่วงBrexitหรือตุลาคมปีที่แล้วนั้น นานๆเกิดครั้งต้องรอโอกาส

สำหรับวิธีที่ผมลงทุนนั้น คงไม่เรียกว่า VI คือ ผมจะพยายามถือเงินเย็นไว้ตลอดแล้วคอยส่องเลือกหุ้นที่มีปันผลสูงบวกกับเป็นหุ้นที่มีเงื่อนไขที่ผมกำหนดไว้ให้เหมาะกับสภาวะของตัวผมเองแล้วเฝ้ารอ (ตรงตัวอักษรสีน้ำเงินเป็นหัวใจของวิธีนี้) รอจนวันหนึ่งราคาลงในจุดที่ควรค่าที่จะเก็บก็เก็บแหลก จากนั้นเฝ้ารอราคาขึ้นเพื่อขาย ระหว่างรอมักได้ปันผลเป็นโบนัส ลงทุนแบบนี้ไม่มีวันขาดทุนมีแต่กำไรน้อยหรือมากขึ้นกับจังหวะและจำนวนเงินทุนที่ลงไป

ขอให้พบหนทางที่ดีนะครับ

ขอบคุณครับพี่. มีประโยชน์มาก ของสะสมผมก็ใช้สูตรคล้ายๆพี่เช่นกัน

ขอบคุณอีกทีสำหรับคอนเซฟนี้ครับ

jr2230

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 189
  • People Like This 103
ช่วงนี้ ถ้ามีเวลาควรส่องหุ้นนะครับ ตอนนี้ผมเก็บตัวเดิมๆที่ราคาเริ่มลงกลับมาอยู่ในจุดต่ำสุด ช้อปไปแล้วรวมเกือบ4แสนหุ้น
ขอให้โชคดีนะครับ