เหตุผลคือ มุมมองเราตอนนี้คล้ายเป็ดเลยคะ ทำงานคอยซัพทุกหน้าที่
แต่โอกาสมันดูริบรี่ในการพัฒนาตัวเองทั้งหน้าที่การงานและสกิลตัวเอง
นี่คือสิ่งที่ดีที่สุด ในการทำงาน ได้เรียนรู้งานในทุกหน้าที่ ช่างวิเศษเสียนี่กระไร
มันจะทำ จขกท เพิ่มพูนประสบการณ์การทำงาน ดีกว่าที่ไปเสียเงินเรียนมาจาก
ในรั้วมหาวิทยาลัยเสียอีก แต่นี่ได้เรียนแล้วยังได้สตางค์ด้วย 555
ก่อนจะเปลี่ยน ลองคิดในใจดูว่า ถ้าเราลาออกแล้ว งานในองค์กรนั้น ๆ
จะสะดุดมั้ย มีคนที่สามารถทำงานแทนเราได้ในทันทีหรือไม่ ?
ถ้าคำตอบคือ งานก็สามารถดำเนินต่อไปได้สบาย ๆ โดยไม่มีเรา
ใคร ๆ ก็สามารถทำงานแทนเราได้ในทันที นั่นคือ เรายังไม่ได้มี
ความสามารถพิเศษอะไรที่องค์กรนั้น ๆ ต้องพึ่งพาเราเลย
แต่ถ้าการลาออกของเรา องค์กรต้องใช้เวลานานที่จะหาคนมาแทน
ในตำแหน่งของเรา นั่นคือเรามีความรู้ความสามารถสูงพอและพร้อม
ที่จะก้าวไปสู่กระถางใบใหม่ ที่ท้าทายความสามารถมากขึ้น
น้อง ๆ ที่เรียนจบมาแล้วเริ่มเข้าทำงาน เปรียบไปก็เหมือนกล้าไม้
ที่ยังต้องอนุบาลอยู่ในกระถางใบเล็ก ๆ รอเก็บเกี่ยวประสบการณ
การทำงานจนกล้าไม้นั้นเติบใหญ่ ใหญ่กว่ากระถางอนุบาล จึงจะ
สามารถย้ายไปสู่กระถางใบที่ใหญ่ขึ้น ๆ เรื่อย ๆ จนท้ายสุดจะทน
อยู่แต่แค่ในกระถางต่อไป (ถ้าเป้าหมายมีเพียงแค่นั้น) หรือ จะออก
ไปผจญโลกกว้างในป่าใหญ่ (เป้าหมายคือต้องเป็นเจ้าของธุรกิจ)
ซึ่งแน่นอนว่า จะต้องไปต่อสู้กับไม้ใหญ่อื่น ๆ ในป่าเพื่อแย่งชิงกัน
หาอาหาร รับแสงแดด ตลอดจนต้องต่อสู้กับสภาพแวดล้อมอันทารุณ
โหดร้ายในโลกของธุรกิจด้วยตัวเราเอง
โดยที่ไม่มีองค์กรให้เราได้หนุนหลังอีกต่อไป
อยากให้ จขกท ลองตอบคำถามง่าย ๆ ที่ผมใช้สัมภาษณ์ผู้สมัตรงาน
มาตลอดหลายปี ในขณะที่ยังทำงานเป็นลูกจ้างมืออาชีพ
คำถามคือ
- ไหนคุณลองบอกมาว่า คุณมีความพิเศษอะไรบ้างที่เหนือกว่าคนอื่น
ที่ทำให้บริษัทของเราสมควรที่จะเลือกคุณเข้ามาส่วนหนึ่งของทีมงาน ?
ถ้ายังคิดไม่ออกว่าคุณพิเศษกว่าคนอื่นอย่างไร ?
ก็ลองคิดต่อว่าถึงเวลาสมควรที่จะเปลี่ยนกระถางหรือยัง?
ขอให้โชคดี และมีความก้าวหน้าในงานที่ทำนะครับ