คุณพี่คนดีของหนูก็ตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว ได้ซิจ๊ะแต่คอยพี่ก่อนนะพี่คงไปถึงประมาณ 3 ทุ่ม
3 ทุ่มก็แล้ว 4 ทุ่มก็แล้ว พี่ก็ยังไม่มา !!! จนในใจน้องนี้คิดว่าเอาแล้วงัยโดนแล้วมั้ยหล่ะเรา แต่สุดท้ายคุณพี่คนดีของหนูก็มาค่ะ ีสมกับที่รอคอยจริงๆ เจอกันแว๊ปแรกหนูก็ประหม่าไม่กล้าที่จะคุยกับพี่เท่าไหร่ ก็ได้แต่ส่งยิ้มหวานให้พี่เป็นระยะๆ แต่พอเริ่มที่จะคุ้นชินกันเท่านั้นแหล่ะ ต่างคนต่างพูดเป็นน้ำไหลไฟดับเลยค่ะ เมื่อนาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืนก็ได้เวลาที่เราต้องแยกย้ายแล้ว คุณพี่คนดีของหนูก็แวะขับรถมาส่งที่บ้าน พี่ไม่ได้ล่วงเกินอะไรเราเลย แค่ขอจับมือในช่วงที่ขับรถแค่นั้นเอง อยากจะบอกว่ามือของคุณพี่นุ่มนิ่มน่าจับมากเลยค่ะ
)
และพี่คนดีของหนูคนนี้เค้าก็เป็นคนที่ใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ มาก พี่รู้ว่าหนูชอบทานขนมหวานพี่ก็อุตส่าหอบหิ้วทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง เม็ดขนุนมากฝาก ไม่ใช่แค่ฝากหนูคนเดียวนะคะ ยังฝากให้พี่ๆ ที่ทำงานของหนูด้วย น่ารักจริงๆ เลยพ่อคุณ
พี่จะชอบพาหนูไปทานอาหารดีๆ อร่อยๆ เสมอ ถึงแม้จะงานยุ่งแทบตายพี่ก็ไม่เคยลืมที่จะแวะมาทานข้าวกันบ่อยๆ มีครั้งหนึ่งที่หนูจำได้ไม่เคยลืม พี่มีประชุมแถวที่ทำงานหนูพอดี และเราก็มีเวลาแค่ทานกลางวันกัน แต่พี่ก็อุตส่าเลือกร้านที่ทำให้หนูประทับใจเหลือเกิน ไม่ใช่เพราะร้านที่หรูแต่เพราะเหตุผลที่พี่บอก “เราไม่ได้เจอกันมานานมากแล้ว พี่อยากให้เราทานอะไรอร่อยๆ ไม่ใช่เร็วอย่างเดียว” เห็นมั้ยหล่ะบอกแล้วว่าพี่ท่านน่ารักจริงๆ
)
อีกหลายสิ่งหลายอย่างที่พี่คนนี้ทำเพื่อหนู ตลอดระยะเวลาที่เรารู้จักกันพี่ให้ทั้งความรัก ความสุข และความห่วงใย ช่วงเวลาที่ได้อยู่ใกล้ๆ มันเป็นอะไรที่มากกว่าความสุข แต่ด้วยวันนี้...วันที่สถานะของเราทั้งคู่ต้องเปลี่ยน พี่และหนูย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว ก็คงจะได้แต่นึกถึงในวันที่เราทั้งคู่เคยมีความสุขกัน อนาคตต่อจากนี่ไปเราก็คงเป็นเพียงมิตรที่มีแต่ความปรารถนาดีให้กันตลอดไป
สุดท้าย..ท้ายสุดถ้าใครที่กำลังดูแลคุณพี่คนดีของหนูคนนี้อยู่ อยากจะขอฝากไว้ข้อนึง คือ ขอให้นวดขาให้แกเยอะๆ นะคะ พี่แกขับรถไกลทั้งวัน
)