ผู้เขียน หัวข้อ: ความรู้สึกดีๆ…”ลิปสติกที่หายไป”....  (อ่าน 2511 ครั้ง)

truedate

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 190
  • People Like This 17
ความรู้สึกดีๆ…”ลิปสติกที่หายไป”....
« เมื่อ: กรกฎาคม 06, 2018, 10:46:44 AM »
       หลังจากได้พบเจอน้องๆมาบ้างจากโพสที่ลงไป ก็ได้พบประสบการณ์แปลกใหม่หลายๆความรู้สึกที่ไม่เคยเจอ ไม่ว่าจะเป็น ผู้หญิงที่จิตใจเป็นหญิงแม้ร่างกายจะไม่ใช่, สาวลูกครึ่งที่เดินแล้วมีแต่คนมอง และน้องน้ำตาสั่งได้ มาคราวนี้ได้พูดคุยหลายแนวจริงๆ แต่ไม่ว่าจะแนวไหน มันก็เริ่มจากการที่ไม่ฝืนกัน และจบลงด้วยรอยยิ้ม แต่ที่ผมประทับใจกลับเป็นการพบเจอแบบธรรมดา เริ่มต้นแบบเป็นธรรมชาติ และจบลงด้วยรอยยิ้มที่กว้างกว่าที่ผมจินตนาการไว้ของเธอคนนี้


   น้องคนนี้ไม่ได้แอดผมมาทางไลน์แต่กลับทักข้อความมาในเว็บ ข้อความที่เธอฝากไว้ก้อเรียบง่าย “ชอบนะที่พี่เขียน” ผมก็ไม่แน่ใจว่าหมายถึงอะไร แต่ก้อตอบกลับไป หลังจากนั้นก็โต้ตอบบทสนทนากันอยู่บ้าง แต่ทุกครั้งผมมักจะแนบไลไอดีไป แต่จนแล้วจนรอดเธอก็ไม่แอดมาสักที ผมก็เลยคิดไปเองว่า เธอคนนี้คงแค่สะดวกคุยแต่ในข้อความของเว็บ แต่ไม่ว่าเธอทักอะไรมาผมก็ตอบกลับไปทุกครั้ง จนเธอพิมพ์มาประโยคนึง “พี่ว่าถ้าหนูแอดพี่ไปเราจะได้เจอกันมั้ย” ผมก็ตอบเธอกลับไปว่า “ดอกไม้ที่แม้แต่หน้าตาก็ไม่เคยเห็น บอกไม่ได้หรอกว่าชอบหรือไม่ชอบ ยิ่งเป็นดอกไม้ที่ไม่รู้จักยิ่งบอกไม่ได้ใหญ่เลย แต่รับรองถ้ารู้จักพี่ก็ไม่เด็ดเก็บไว้มองคนเดียวหรอกนะ สบายใจได้” หลังจากตอบกลับไปไม่นาน ไลน์ผมก็มีคนทักเข้ามา….”สวัสดีค่ะ หนูเป็นดอกไม้ที่พี่อยากรู้จักดอกนั้น พร้อมจะคุยกันมั้ย”.....เอาล่ะสิทำไมผมรู้สึกตื่นเต้น แต่นั่นแหล่ะ ผมทิ้งเวลาไป โดยหวังจะให้ความตื่นเต้นมันจางลงไป แต่ก็ไม่นานนักผมก็ตอบกลับไปว่า “สวัสดีครับ ในที่สุดก็ได้คุยกันซักทีนะ” หลังจากนั้นบทสนทนาก็ไหลออกมาเรื่อยๆ ไม่รวดเร็ว ไม่ต่อเนื่อง แต่ไม่ขาดหาย แต่นั่นแหล่ะคุยกันอยู่นาน ก็ไม่ได้พูดถึงการพบเจอกันเลย จนเวลาผ่านไปหลายวัน ผมจึงทักไปว่า “สรุปนี่หนูจะไม่ขอรายละเอียดงานกันหน่อยเหรอ เผื่อจะสนใจรับงานกัน” เธอหายไปพักนึงและพิมพ์กลับมาว่า “อ้าว ก้อนึกว่าพี่ไม่สนใจ ก็ไม่เห็นนำเสนออะไรมานี่นา 555” ว่าแล้วผมก็พิมพ์ส่งกลับไป ….หายไปเลยครับ…..เธอหายไปนานจนผมต้องพิมพ์ตอบกลับไปว่า “ไม่สนใจก็ไม่ต้องหายน้า พิมพ์คุยกันเฉยๆก็ได้” แล้วเธอก็พิมพ์ตอบกลับมาเป็นประโยคคลาสิคที่ว่า “ขอหนูคิดดูก่อนนะคะ” เป็นประโยคคุ้นตา ทำให้ผมได้แต่บอกกลับตัวเองไปว่า “ได้คุยก็พอ” พร้อมกับหลับตาลึกๆ แล้วเปิดตาขึ้นมาพิมพ์กลับไปใหม่เพื่อให้ความรู้สึกมันปรับตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง แต่หลังจากนั้นบทสนทนาของเธอเปลี่ยนไป มันดูคิดมากขึ้นกว่าจะพิมพ์ตอบกลับมาในแต่ละครั้ง จนในที่สุดผ่านไปหลายวัน เธอก็ตอบกลับมาว่า “หนูต้องทำงัยถ้าสนใจจะเจอพี่” ผมก็ตื่นเต้นนะ แต่มันนานจนชินแระ เลยพิมพ์กลับไปว่า “ขอรูปหน่อยครับ และถ้าโอเคขอคุยผ่านเสียงกันนิดนึง” เธอหายไปพร้อมส่งสติกเกอร์หน้าตากวนๆมา พร้อมประโยคที่ว่า “นี่หนูยังไม่ผ่านการพิจารณาใช่มั้ยคะ 555 “ ผมรีบตอบกลับไปว่า “เพื่อให้การพบกันมีแต่รอยยิ้ม มันจะมากหรือจะน้อยก็ขอให้ยิ้มให้กันทั้งก่อนและหลังเจอกัน” เธอส่งรูปเธอมาแบบไกลๆ ใกล้ๆ มาหลายรูป ผมก็โฟนกลับไปแทนคำตอบ น้ำเสียงของเธอเรียบง่าย ไม่แสดงอาการตื่นเต้นอะไร นัดหมายก็ง่ายไม่อิดออดเรื่องการเดินทาง หรือเวลา จนผมแปลกใจ แต่ในตอนหลังก็พอทราบว่าเธอว่างในช่วงเดือนสองเดือนนี้ ไม่ได้ทำอะไร ผมก็ได้แต่นับเวลารอวันที่จะได้เจอเธอคนนี้


   ผมมาก่อนเวลาเนื่องจากมันเป็นวันที่ว่าง ผมนั่งจิบชาพร้อมเปิดเพลงฟังไปเบาๆ ทำให้รู้สึกเหมือนตัวเองดูผู้ดี้ผู้ดี ว่าแล้วหนึ่งแก้วผ่านไป เธอยังไม่มา ผมจึงเดินไปสั่งเครื่องดื่มอีกแก้วแต่คราวนี้เป็นน้ำสีน้ำตาลแบบเด็กๆ เอ้อคราวนี้รู้สึกเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น ว่าแล้วผมก้อทอดสายตาผ่านกระจกบานใหญ่ของร้านออกไป การได้นั่งดูผู้คนผ่านไปผ่านมามันก็เพลินดี เพราะปกติผมคงไม่มีเวลามาทอดอารมณ์ด้วยกิจกรรมลักษณะนี้ ขณะกวาดสายตาไปผมไปสะดุดกับแผ่นหลังสีขาวของคนๆนึง มันเป็นเชิ้ตสีขาวแบบพริ้วๆ ถ้ามองผ่านๆอาจจะคิดว่าเจ้าของแผ่นหลังเป็นผู้ชาย แต่เมื่อมองเห็นผมสีดำที่ถูกรวบไว้อย่างเป็นระเบียบ ประกอบกับเมื่อเจ้าของแผ่นหลังหันด้านข้างมาเล็กน้อย สังเกตได้ถึงต้นคอที่บอบบางพร้อมริมฝีปากที่มองเห็นได้ลางๆ แม้เธออยู่ไกลจนผมสังเกตหน้าตาเธอไม่ได้ แต่ยอมรับเลยว่า มันสะดุดและฉุดความสนใจผมได้มากจริงๆ ผมหยุดมองอยู่นาน แต่แล้วก็ละสายตามามองนาฬิกา แล้วคิดว่าควรทักน้องที่นัดไปดีรึไม่ เพราะมันเลยเวลามาบ้างแล้ว แต่ผมก้อตัดสินใจจะรอต่อไปอีกซักหน่อย เลยกำลังเลื่อนมองหาเพลงที่จะฟังต่อไป แต่ผมเอะใจอะไรบางอย่างเลยเงยหน้าหันไปมองสาวน้อยคนนั้นอีกครั้ง แต่เป็นอย่างที่ผมคิด เธอหายไปแล้ว ผมได้แต่แอบถอนหายใจเบาๆเพราะรู้สึกเสียดายที่ยังไม่เห็นเจ้าของแผ่นหลังที่ช่วยให้ผมได้พักสายตาอยู่เป็นนานสองนาน ว่าแล้วผมก็กลับไปสนใจที่จะหาเพลงต่อไป..."พี่คะ สวัสดีค่ะ….”


   https://www.youtube.com/watch?v=XRuDQ6aYeD0   เสียงเพลงนี้ครอมาเบาๆ ก่อนที่ผมจะเงยหน้ามองเจ้าของเสียง ภาพที่ผมเห็นเป็นสาวน้อยเสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขน ในกางเกงยีนส์ขาดสามส่วนเท่ๆ รองเท้าผ้าใบสีขาว สายรัดข้อมือสีดำและแหวนที่ดึงสายตาบนมือเรียวของเธอ ที่สำคัญผมได้เห็นซักทีเจ้าของแผ่นหลังที่ผมนั่งจ้องมองอยู่นาน “พี่…ใช่มั้ยคะ” ผมพยักหน้าเบาๆ เพราะหน้าตาของเธอน่ารักแต่ไม่ได้ทำให้ผมตื่นเต้น เสียงหลังจากนั้นของผมก็เป็นน้ำเสียงที่ปกติ และอมยิ้มเล็กๆ “หนูจะดื่มอะไรเดี๋ยวพี่ไปสั่งให้” เธอหันไปมองฝาผนังของร้าน หมุนหน้าไปมาอย่างช้าๆ แล้วเธอก็ลุกออกไปโดยไม่ได้ตอบคำถามผม ผมค่อนข้างแปลกใจแต่ก็ไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดอะไรในสิ่งที่เธอทำ ตรงกันข้ามมันกลับทำให้ผมสนใจในตัวเธอมากขึ้น หลังจากเธอเดินกลับมาและเราได้เริ่มพูดคุยกัน ผมมองเห็นหน้าตาที่ดูใสๆ ผมสีดำ ทรงผมที่รวบไปด้านหลัง มันเข้ากันได้ดีกับแว่นตา ริมฝีปากสีกึ่งแดงกึ่งชมพู สีมันค่อนข้างตัดกับเสื้อผ้าที่เธอใส่มา ตลอดเวลาที่คุยกันผมสังเกตเห็นแหวนหลายวงที่เธอใส่อยู่ในนิ้วเรียวๆของเธอ เธอคงสังเกตได้จึงหันมาถามว่า “ทำไมพี่มองแหวนหนูบ่อยจัง” ผมเงยหน้ามามองตาเธอแล้วบอกเธอไปว่า “พี่ชอบผู้หญิงใส่แหวนแบบนี้” เธอทำหน้าเหมือนหยุดความรู้สึกไปเล็กน้อย แล้วเธอก็ยกเครื่องดื่มขึ้นดื่มช้าๆ เป็นอากัปกริยาของผู้หญิงที่กำลังเขินแต่ไม่อยากแสดงออก เราคุยกันนานเธอยิ้ม เธอหัวเราะ ทุกสิ่งไม่เกินพอดี ทำให้ผมไม่แน่ใจว่ามันจะไปต่อได้มั้ย แต่เอาตรงๆ เธอไม่ได้สร้างความแปลกใจให้ผมมากนักในด้านความสวย แต่เธอดึงความสนใจผมมากในด้านบุคลิกและท่าทางตลอดจนคำพูดที่แสดงถึงแนวคิดรอบๆตัวของเธอ ก่อนที่ผมจะพูดอะไรต่อไปเธอพูดออกมาลอยๆเบาๆว่า “พี่จะนั่งคุยกับหนูแบบนี้ไปเรื่อยๆเหรอ” ผมตกใจเล็กน้อย จึงพูดตอบกลับไปว่า “อ๋อไปสิ ไป ไปด้วยกัน” เธอหัวเราะเบาๆ “แล้วไม่ถามหนูก่อนเหรอ ไม่เห็นเหมือนที่เขียนเลยนี่นา” ผมก็ตกใจเล็กน้อย และรีบตอบกลับไปแบบตะกุกตะกักว่า “อ๋อ ครับ เออใช่ เอ้ย ไปมั้ยครับ หมายถึงรับงานพี่มั้ยครับ” เธออมยิ้มในท่าทางของผม และตอบกลับมาง่ายๆว่า “เอาสิ อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมพี่ต้องกำชับให้หนูเอาลิปสติกมาด้วย อิอิมันจะทะลึ่งหมือนที่หนูคิดมั้ยเนี่ย” เอาล่ะสินี่สิ่งที่ผมคิดกับสิ่งที่ผมเจอมันจะเหมือนกันมั้ยเนี่ย คำรำพึงพูดในใจมันเริ่มดังขึ้นก่อนที่ผมจะเดินนำเธอไปที่รถ


   ขณะที่อยู่ด้วยกันในช่วงแรกมันเหมือนกับที่ผมคิด ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกลับไปเป็นวัยมัธยม ทุกสิ่งที่เกิดมันดูใสๆ น่ารัก จนเธอคลายผมและถอดแว่นของเธอออก ผมหมดคำพูดไม่รู้จะอธิบายยังงัย ได้แต่เดินไปใกล้ๆเธอและหลังจากนั้น แม้เธอจะทำท่าทางเหมือนจะพูดอะไร เธอก็ไม่สามารถเปล่งเสียงของเธออกมาได้ สิ่งที่เกิดไม่มีเสียงอะไรนอกจากลมหายใจเบาๆที่ค่อยๆถี่ขึ้น เธอผละออกจากตัวผม หากมีกระจกผมอยากจะบอกเธอสองอย่าง หนึ่งคือเธอสวยมากและเธอไม่สวรใส่แว่นอีกเลย เธอตีผมเบาๆและบอกว่าพี่อ่ะ หนูหายใจไม่ทัน หลังจากนั้นมันก้อเกิดซ้ำจนเราสองคนไม่รู้จะเอามือไปไว้ตรงไหน มันวนไปวนมาไม่รู้เบื่อ แล้วเธอก็บอก “หนูรู้แระว่าทำไมให้เอาลิปสติกมา ดูสิมันหายไปหมดแล้ว” หลังจากนั้นมันก็เป็นความรู้สึกที่ดีเป็นสามชั่วโมงที่ไม่น่าเบื่อ มันโอเค มันไม่หวือหวา แต่ดูยิ้มๆ มีอะไรให้น่าจะได้เจอกันอีก ก่อนจะกลับผมก็ถามเธอไปว่า “เป็นงัยบ้าง” เธอไม่ตอบอะไรได้แต่อมยิ้มแล้วก้อชวนผมคุยเรื่องอื่น ก่อนลงจากรถเธอบอกว่า ”คราวหน้าหนูขอแบบที่สองนะคะ วันนี้หนูมาลองเจอพี่ หนูโอเค” ผมได้แต่อมยิ้มตั้งแต่เธอจากไปจนเวลาผ่านไปอีกพักใหญ่ๆ จนผมรู้สึกว่า ถ้าเราไม่คาดหวังอะไรมากนักมันก้อจะเจอแต่อะไรที่ไสมหวังไม่ก้อเกินที่คาดหวัง และหากเรามองโลกในแง่ดีเราก้อจะยิ้มไปกับมันได้ บางครั้งการทำอะไรที่ไม่รีบเร่งจนเกินไปมันก็จะพามาให้เจอคนที่ ไม่ว่าจะยังงัยเราก้อนึกถึงอะไรที่ทำให้เราไม่ยิ้มไม่ออกเลยในช่วงเวลาที่ได้เจอกัน