โอ้ย เขิล อีกแล้ว เขิลแทนพี่ช่องว่าง มีสาจ๋ามาเขียนการบ้าน รีบมาต่อนะคะ
งื้ออออออ.... ทำไมมันหวานมากขึ้นเรื่อยๆ ต้องปักรออ่านต่อ ep.3 ต่อปายยยย
และแล้ววันเดินทางก็มาถึง ไชโย เรานัดกันที่สนาบินตอนบ่ายสอง ประตู 5 เพื่อเช็คอินน้องเดินเข้ามาในสภาพเสื้อผ้าหลุดหลุ่ย ติดกระดุมผิดเราเลยทักน้องไปว่า ใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยสินางหันมาค้อนควับ บอกว่า พี่นี่ไม่เข้าใจวัยรุ่นสะเล้ยอ่อ ที่แท้มันเปงเทรนด์ การแต่งตัวของวัยรุ่น คนแก่ไม่เข้าใจ 555 เครื่องออกเดินทางตอนบ่าย 4 โมง ไปถึงปลายทาง 2 ทุ่มตอนแรกยังแอบหวั่น ๆ ใจอยู่ว่า น้องจะผ่าน ตม ของจีนได้สำเร็จมั้ย กับสไตร์การแต่งตัวของนางแบบนี้เลยพาน้องผ่าน ตม ทางช่องทางพิเศษ เผื่อว่าอติดขัดอะไร จะได้เคลียร์ได้ง่ายหน่อย แต่ผิดคาด นางผ่านด่าน ตม จีนได้ฉลุยทั้งที่พาสปอร์ตขาวจั๊ว ไม่เคยมีตราประทับใด ๆ เลย ออกจากสนามบิน ทางซัพพลายเออร์มารับไปทานข้าวเนื่องจากเลยเวลาบริการของภัตตาคารไปแล้วเราจึงไปหาอะไรทานที่แถวตลาดกลางคืนแทนก็ประมาณ ร้านข้าวต้มกลางคืนบ้านเราน้อง D เอ็นจอยกับอาหารมื้อแรกของที่นี่พอสมควรแถมนางสนุกกับ กรรมวิธี ล้างจาน ชาม ตะเกียบ ช้อนบนโต๊ะก่อนที่จะใช้รับประทานอาหาร ของที่นี่ ซะงั้นเสร็จจากข้าวต้ม มื้อดึก เราก็ไปเข้าเช็คอินที่โรงแรมผมจองโรงแรมมาแบบเตียงเดี่ยว แต่น่าเศร้าทางรีเชฟชั่นแจ้งว่าห้องเตียงเดี่ยวเต็มแล้วไร ฟร่ะ ไม่ยอม ๆ ๆ ๆ คนแก่เริ่มงอแงแต่ไม่รู้จะโวยวายยังงัย ต้องยอมรับสภาพนี่เป็นคืนแรกที่เราจะได้นอนค้างคืนด้วยกันเอาหน่า คืนนี้ปล่อยให้เหยื่อสาว ตายใจไปก่อนด้วยความเพลียจากการเดินทาง หลังจากอาบน้ำเสร็จ และ ๊ดไนท์คิส กันแล้วเราทั้งสองจึงหลับปุ๋ยไปอย่างง่ายดาย สรุป มาถึงแล้ว ผมก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าใน "ช่องว่าง"นั้นมีอะไรซ่อนอยู่ข้างใน